
ปรับโฉมอีกรอบ “พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ” รีโนเวตชั้น 2 เพิ่มส่วน “เกม-ของเล่น” คาดแล้วเสร็จเดือนมีนาคมนี้ หวังกระตุ้นการจับจ่ายและเพิ่มช่องทางหารายได้จากอีเวนต์ ทั้งเผยพร้อมผนึกกลุ่มทรูจัดแข่งขัน “การ์ดเกมโปเกมอน”
นางสาวธัญญลักษณ์ ถิรกนกวิไล ผู้จัดการฝ่ายการตลาด ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ บริษัท แอสเสท เวิรด์ รีเทล จำกัด เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า กลยุทธ์ของพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ในปีนี้จะเน้นไปในเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ในส่วนของ “เกม” และขยายกลุ่มไปโฟกัส “ของเล่น” มากขึ้น เพื่อดึงดูดวัยรุ่นชายอายุ 13-35 ปี โดยได้มีการรีโนเวตพื้นที่ชั้น 2 เพื่อเพิ่มโซนของเล่นของสะสมระดับพรีเมี่ยม ด้วยการดึงแบรนด์ อาทิ Bandai, XM Studio, Dex และวิบูลย์กิจ มาใช้พื้นที่ โดยจัดทำเป็นกึ่งแกลเลอรี่โชว์ของสะสม ใช้พื้นที่ราว 2,000 ตร.ม. พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนมีนาคมนี้ และคาดว่าโซนดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น อีเวนต์คอสเพลย์ เวิร์กช็อปเกี่ยวกับโมเดล ซึ่งเป็นการเพิ่มรายได้อีกทาง
ในส่วนของเกมในปีที่ผ่านมา มีการทำ Pantip E-Sports Academy และจัดแข่งขัน U-League ซึ่งยังไม่ทำรายได้มากนัก และปีนี้จะเน้นที่การเพิ่มเครื่องเกมและทำอีเวนต์เพื่อหารายได้ โดยในเบื้องต้นได้จับมือกับทรูในการจัดแข่งขันการ์ดเกมโปเกมอน และคาดว่าจะได้เห็นในช่วงปลายเดือนมีนาคม
“เราสำรวจมาแล้วว่านักสะสมมีเพิ่มขึ้น อาจเพราะเข้าสู่วัยทำงาน พอมีกำลังก็สนใจสะสมโมเดล ซึ่งเราต้องการเป็นแหล่งรวมของแท้ของหายาก เพื่อลบภาพเดิมที่มีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และหารายได้จากการจัดอีเวนต์ ทั้งกระตุ้นการจับจ่ายของลูกค้า เพราะที่ผ่านมาส่วนใหญ่มาร่วมงาน แต่ไม่ได้จับจ่าย”
สำหรับพื้นที่ในปัจจุบันมีการเช่าแล้ว 75% และในปีนี้จะขยับเพิ่มเป็น 80-85% ยังไม่คาดหวังให้เต็ม 100% เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีนัก โดยโซนสินค้าไอทียังอยู่เช่นเดิม ทั้งร้านคอมฯประกอบต่าง ๆ รวมทั้งพื้นที่ขายสมาร์ทโฟน แต่พันธุ์ทิพย์ฯพยายามเพิ่มร้านอาหารให้มากขึ้นในบริเวณชั้น 1 และชั้น 4 ที่เป็นพื้นที่โคเวิร์กกิ้งสเปซเพื่อให้แมสมากขึ้น รวมทั้งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เพราะที่ผ่านมามีการจัดกิจกรรมและอีเวนต์ที่หลากหลาย แต่ผู้เข้าร่วมหาร้านอาหารไม่ค่อยได้
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนที่จะพัฒนาพิ้นที่เพิ่มเติม เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามามากขึ้น โดยที่ผ่านมา พันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ มีลูกค้าเฉลี่ย 20,000 คน/วัน รายได้เติบโต 12-15% เพิ่มมาจากค่าโฆษณา ส่วนรายได้จากค่าเช่าที่คิดเป็น 60% ยังทรงตัว เพราะไม่ได้ขึ้นค่าเช่า
ด้านนายธานินทร์ ติรณสวัสดิ์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ธุรกิจคอนเทนต์กีฬา และเด็ก บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า บริษัทเข้ามาทำตลาดกลุ่มการ์ดเกมโปเกมอนด้วยการนำมาแปลเป็นภาษาไทย หลังจากได้รับสิทธิ์แคแร็กเตอร์โปเกมอนแต่เพียงผู้เดียวในไทย เป็นเวลา 4 ปี บริหารลิขสิทธิ์สินค้ากว่า 1,000 SKU และมีการฉาย 16 ซีรีส์ รวมกว่า 1,000 ตอนในทุกแพลตฟอร์ม รวมถึงมีการจัดอีเวนต์ตลอดทั้งปี
โดยธุรกิจหลักของโปเกมอนมี 3 ส่วน ได้แก่ 1.หนังการ์ตูนและสินค้า 2.เกม และ 3.การ์ด
ปัจจุบันมีแฟนโปเกมอนในประเทศไทยมากกว่า 3 ล้านคน และมีกลุ่มที่ชื่นชอบการเล่นการ์ดเกมทุกชนิดมากกว่า 5 แสนราย จึงเป็นโอกาสทางการตลาด และการ์ดเกมเป็นสิ่งที่แฟน ๆ รอคอย เพราะไม่ใช่แค่ใช้เล่นแข่งขัน แต่ยังใช้สำหรับสะสมได้ด้วย
“การ์ดเกมโปเกมอนจะเป็นสิ่งที่ทำให้แฟนโปเกมอนมีปฏิสัมพันธ์กัน เชื่อมแฟนโปเกมอนได้ ทรูจึงใช้เวลากว่า 2 ปีในการแปลการ์ดเป็นภาษาไทย จากปกตินักเล่นต้องสะสมภาษาอื่น เช่น ญี่ปุ่น, อังกฤษ โดยจะมีการจำหน่ายการ์ดกว่า 300 แบบ”
สำหรับการ์ดเกมโปเกมอนเวอร์ชั่นภาษาไทย จะวางจำหน่ายพร้อมกัน 1 ก.พ.นี้ ผ่าน 7-Eleven และร้านจำหน่ายการ์ดเกมทั่วประเทศ มีจำหน่าย 2 ชุด ได้แก่ 1.Theme Pack จำนวน 60 ใบ ราคาชุดละ 199 บาท 2.Booster Pack เป็นชุดการ์ดเสริม 6 ใบ ราคาชุดละ 49 บาท และได้ตั้งเป้าไว้ว่าน่าจะมีผู้เล่นการ์ดโปเกมอน 2 แสนคน ภายในปีนี้ โดยเตรียมจัดการแข่งขันในไตรมาส 3 ที่ใช้มาตรฐานเดียวกับมาตรฐานโลก
อย่างไรก็ตาม ทรูไม่มีแผนที่จะนำลิขสิทธิ์อื่นเข้ามาเพิ่มเติม เพราะต้องการโฟกัสที่โปเกมอน เพราะบางแคแร็กเตอร์มีข้อจำกัดเยอะ และมีสินค้าไม่ครบวงจร อีกทั้งทรูวิชั่นส์กรุ๊ปยังมีการซื้อลิขสิทธิ์การ์ตูนอื่น ๆ มาฉายอยู่แล้วด้วย
ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat
หรือจะสแกน QR Code ในรูป เราพร้อมเสิร์ฟข่าวเศรษฐกิจ-ธุรกิจถึงมือผู้อ่านทันที!