ชงเคลียร์คลื่น 3.5 GHz “อีริคสัน” ตีฆ้องดันไทยลงทุน 5G

เป็นอีกหนึ่งผู้ผลิตอุปกรณ์โทรคมนาคมระดับโลก ที่ทั้งผลักทั้งดันการลงทุน 5G ในประเทศไทยอย่างเต็มที่ สำหรับ “อีริคสัน” 

โดย “นาดีน อัลเลน” ประธาน บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ธุรกิจสื่อสารไร้สายที่ประสบความสำเร็จถือเป็นรากฐานสำคัญของผู้ให้บริการด้านการสื่อสารที่จะก่อให้เกิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ จาก 5G แต่ถึงอย่างนั้น 4G ก็จะยังเป็นเทคโนโลยีหลัก และเป็นพื้นฐานที่สำคัญของ 5G ซึ่งผู้ให้บริการที่ต้องการเป็นผู้นำตลาดควรเปิดโอกาสทางธุรกิจจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ไม่ใช่เพียงผู้ให้บริการด้านเครือข่ายเท่านั้น โดยอีริคสันประเมินว่าเทคโนโลยี 5G จะเพิ่มรายได้ให้ผู้ให้บริการในไทยได้สูงขึ้นถึง 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 22% ของรายได้ที่คาดการณ์ไว้ภายในปี 2569

“อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค และความปลอดภัยด้านสาธารณะจะเป็นภาคส่วนที่ผู้ให้บริการสร้างรายได้จาก 5G ได้มากที่สุด แต่ผู้ให้บริการจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมสำหรับ 5G เพื่อประโยชน์ของคนไทย”

จากรายงานอีริคสัน Mobility Report ล่าสุดมีการคาดการณ์ว่าผู้สมัครใช้ 5G จะสูงถึง 40% ของประชากรโลก และจำนวนผู้สมัครใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือจะแตะถึง 1.5 พันล้านรายในปี 2567 ทำให้ 5G เป็นเทคโนโลยีที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในระดับโลก และปัจจัยหลักในการนำ 5G มาใช้ ประกอบด้วยประสิทธิภาพของเครือข่าย ค่าใช้จ่ายต่อจิกะไบต์ และความต้องการนำไปใช้งานใหม่ ๆ

“เจษฎา ศิวรักษ์” หัวหน้างานฝ่ายรัฐกิจและธุรกิจสัมพันธ์ บริษัทเดียวกัน กล่าวว่า เริ่มมีการใช้งาน 5G ในเชิงธุรกิจแล้วในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยใช้ fixed wireless access และคาดว่า 5G จะใช้อย่างแพร่หลายในปี 2020 และคาดว่าจำนวนผู้ใช้มือถือในปี 2024 จะแตะ 8.9 พันล้านราย เป็น 5G ที่ 1.5 พันล้านราย หรือราว 17% ส่วน 4G LTE จะอยู่ที่ 5.4 พันล้านราย

หรือ 60% และคาดว่าจะมีการเชื่อมต่อของ Cellular IOT ถึง 4,000 ล้านเครื่อง โตจากปีที่ผ่านมาเฉลี่ยปีละ 27% โดยผู้นำด้านไอโอที 3 อันดับแรกของโลก คือ จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลี

สำหรับการใช้ 5G ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คาดว่าในปี 2024 จะครอบคลุมพื้นที่ 30% เนื่องจากยังไม่มีแผนจัดสรรคลื่นความถี่ที่ชัดเจน เช่นเดียวกับในประเทศไทย ดังนั้นไทยจึงต้องเร่งวางแผนให้ชัดเจน เริ่มจากนำคลื่นที่เหมาะสมมาจัดสรร

“เรามองว่าคลื่น 3.5 GHz เป็นคลื่นที่เหมาะสำหรับทำ 5G เพราะหลายประเทศใช้คลื่นนี้ และอุปกรณ์ก็รองรับ แต่ในไทย คลื่นนี้ใช้ในกิจการดาวเทียมไทยคม 5, 6 และ 7 บางส่วนที่เป็น

ซีแบนด์นำมาใช้ได้เลย ดังนั้นภาครัฐจึงควรคุยกับภาคเอกชนเพื่อสร้างความชัดเจนในการนำคลื่นมาใช้ ถ้าไทยจะไป 5G ในปี 2020 ต้องทำเรื่องความถี่ให้ชัด ทั้งเรื่องคลื่นที่ใช้ เงื่อนไขการประมูล ขณะที่ในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และฝั่งยุโรป ได้เตรียมการจัดสรรช่วงคลื่นดังกล่าวมาให้บริการ 5G แล้ว เขาจึงไปได้เร็ว”

ผู้ผลิตอุปกรณ์ส่วนใหญ่ผลิตอุปกรณ์ที่รองรับคลื่น 3.5 GHz เพราะประเทศส่วนใหญ่ใช้ ดังนั้นถ้าประเทศไทยจะใช้คลื่น 700 MHz อาจต้องรอดูว่าในปีนี้มีประเทศไหนใช้บ้าง หากมีความต้องการมากพอ ผู้ผลิตอาจพัฒนาอุปกรณ์ขึ้นมารองรับ อย่างไรก็ตาม แม้จะเริ่มเห็นอุปกรณ์บางส่วนของโอเปอเรเตอร์รองรับการใช้งาน 5G แล้ว แต่ยังมีอุปกรณ์หลัก ๆ อีกหลายส่วนที่ต้องลงทุนเพิ่มเพื่อขยายโครงข่ายหลักให้รองรับแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น

“วุฒิชัย วุฒิอุดมเลิศ” รองประธานและหัวหน้าฝ่ายเน็ตเวิร์กโซลูชั่น บริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) จำกัด เสริมว่า ปัจจุบันประชากรโลกมี 7.6 พันล้านคนขณะที่ผู้ใช้โทรศัพท์มี 7.9 พันล้านราย

และ 5.7 พันล้านรายใช้โมบายบรอดแบนด์ ขณะที่ในประเทศไทยมีประชากร 67 ล้านคน แต่มีการใช้งานมือถือ 92.4 ล้านเครื่อง แบ่งเป็น 3G ที่ 46.2% และ 4G 45.8% รวมกัน 87 ล้านราย ที่เหลือราว 5 ล้านราย เป็น 2G ซึ่งสิ่งที่ขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ตลาดเติบโตคือสมาร์ทโฟนราคาถูกในส่วนของโมบายทราฟฟิกทั่วโลกมีอัตราการเติบโต 79% ต่อปี มีการใช้งานดาต้าทั้งโลกเฉลี่ย 27 exabyte (EB) ต่อเดือน โดย 60% ใช้ดูวิดีโอ และคาดว่าภายในปี 2024 ทั่วโลกจะมีการใช้ดาต้ารวมกันเฉลี่ยเดือนละ 136 EB/เดือน โดย 74% มาจากการดูวิดีโอ และกว่า 25% ของการใช้ดาต้าอยู่บนเครือข่าย 5G

สำหรับการใช้งาน 5G เชื่อว่าโมบายบรอดแบนด์จะมาก่อนเพราะเป็นฐานใหญ่ โดยการใช้งานหลักมาจากคอนเทนต์ วิดีโอความละเอียด 4K, 8K และเทคโนโลยี AR/VR ถัดมาเป็นอุปกรณ์ IOT

หากมองมาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ยกเว้นอินเดียและจีน) เทคโนโลยี 3G ยังคงเป็นเทคโนโลยีหลัก คิดเป็น 48% ของการใช้งานทั้งหมด ขณะที่ผู้ใช้งาน 4G ยังเติบโตขึ้นถึง 70% ภายในปี 2561 มีสัดส่วน 26% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปี 2024 โดยเทคโนโลยี 4G จะยังมีการใช้งานในสัดส่วนถึง 63% ของผู้ใช้งานทั้งหมดในภูมิภาค


ขณะที่ปริมาณการใช้ข้อมูลต่อสมาร์ทโฟนจะขยับจาก 3.8 GB/เดือน เป็น 19 GB/เดือน ภายในปี 2024