
นายกานต์ ตระกูลฮุน ประธานกรรมการเอไอเอส ประกาศวิสัยทัศน์ AIS VISION 2019 ตอนหนึ่งว่า ขณะนี้เรากำลังอยู่ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 3 ถ้ามองย้อนไปร้อยกว่าปีที่ผ่านมาโลกเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรมยุคที่ 1 เมื่อเราได้ค้นพบเครื่องจักรกลไอน้ำเริ่มมาจากที่ประเทศอังกฤษและกระจายไปยุโรป ในยุคที่ 2 หลังจากกระแสไฟฟ้ามีความสำคัญ ในแง่กำลังไฟฟ้า การใช้พลังไฟฟ้าเป็นกำลังผลิตหลัก มีผลต่ออุตสาหกรรม เศรษฐกิจเป็นอย่างมากทั่วโลก มีการใช้เครื่องจักรกลที่ใช้ไฟฟ้าเป็นฐาน ทำให้เกิด mass production ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถผลิตสินค้าและส่งไปขายได้ทั่วโลก หลังจากนั้นเป็นยุคที่ 3 เป็นยุคหลังจากมีคอมพิวเตอร์ใช้งานกันอย่างแพร่หลาย และมีอินเตอร์เน็ตเข้ามา ซึ่งเปลี่ยนโลกอย่างมากมาย ระบบต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก
นายกานต์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังเข้ายุคที่ 4 ของการปฏิวัติอุตสาหกรรม แน่นอนว่าตัวหลักคือเทคโนโลยีดิจิทัล และอีกไม่นานภายในเดือนมิถุนายนนี้ 5G จะเริ่มมีการทดลองใช้เชิงพาณิชย์ในประเทศจีนและเกาหลีใต้ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของโลก วันนี้เราได้สัมผัสด้านปัญญาประดิษฐ์ AI เรื่องของ Data แต่จะเต็มรูปแบบเมื่อ 5G เข้ามาในไม่ช้านี้ และเชื่อว่าในประเทศไทยอีกไม่นานเกินรอที่จะไปถึงจุดนั้น
“บริบทต่างๆ เหล่านี้เกิดทั้งวิกฤตและโอกาส องค์กรที่แข็งแรงที่สุดในวันนี้อีกไม่กี่ปีก็อาจจะล่มสลายโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ในขณะเดียวเดียวกันก็จะเกิดโอกาสกับธุรกิจใหม่ๆ ลงไปถึงของรายบุคคลที่สามารถสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ สตาร์ทอัพจะเกิดขึ้นมากมาย จะเกิดแพลตฟอร์มใหม่ทำให้โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง” นายกานต์ กล่าว
นายกานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทย The nation competitiveness การแข่งขันของประเทศจะเป็นตัวปัจจัยที่จะชี้ว่าเราอยู่ได้หรือไม่ในเวทีโลก ในปีที่ผ่านมา จากการจัดอันดับการแข่งขันของประเทศของ World Economic Forum อันดับของประเทศไทยดีขึ้นจากอันดับ 40 ของโลก ขึ้นมาเป็น 38 ของโลก แต่สิ่งที่อยากให้ความสำคัญคือ innovation (นวัตกรรม) ซึ่งนวัตกรรมของประเทศไทยดีขึ้นแต่อันดับอยู่ประมาณ 61 ของโลก นี่คือโอกาสที่จะพัฒนาพัฒนาขึ้นไปได้ถ้าร่วมไม้ร่วมมืออย่างจริงจัง ทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งนี้ ในปี 1980 ไทยใช้งบ R&D คงที่มากๆ 0.2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเท่านั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก พอๆ กับเกาหลีใต้ 1980 แต่วันนี้เกาหลีใต้ใช้งบ R&D เกิน 4 เปอร์เซ็นต์ของ R&D แซงประเทศญี่ปุ่นไปนานแล้ว ซัมซุงใช้งบ R&D มากที่สุดของโลกในปี 2018 จากที่ 3 มาเป็นที่ 1 ส่วนหัวเหว่ย ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของเอไอเอส ขยับจากที่ 8 ใน 2017 ขึ้นมาอันดับ 5 ของโลกใช้งบ R&D มากกว่าแอปเปิ้ล
นายกานต์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าเรื่องของการเติบโตของประเทศ ประเทศไหนก็ตามที่ดิจิทัลไปได้ดี ถูกใช้ในทุกวงการ ดิจิทัลจะเป็นตัวผลักดันการเจริญเติบโตของประเทศนั้น ดังนั้น สิ่งที่เน้นย้ำจะต้องมีกาลงทุน ตัวองค์กรเอกชนนอกจากลงทุน R&D ในเรื่อง Digitalization จะต้องลงทุนเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพราะจะทำให้องค์กรแข็งแรง เปลี่ยนแปลงองค์กรนั้นอย่างเห็นได้ชัด จากหน้ามือเป็นหลังมือ
“ประเทศไทยเช่นเดียวกัน ภาครัฐก็ต้องลงทุนด้าน Digitalization จริงจัง ในโลก analog ไทยอาจตามหลังประเทศอื่น ความสามารถในการแข่งขันอยู่ในอันดับที่ 38 แต่ถ้าภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันอย่างเต็มที่ ท็อป 20 เป็นไปได้สำหรับประเทศไทย ตัวนวัตกรรม และ Digitalization จะเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญของประเทศ ซึ่งฐานก็คือบุคลากรจะต้องใส่ใจ และให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ เอไอเอสขอปวารณาตัว จะเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันและสร้าง Digitalization ให้เกิดขึ้นให้ได้” นายกานต์ กล่าว