“มิวสิกสตรีมมิ่ง” แค่ฮิตไม่พอ JOOX พลิกกลยุทธ์ปั้นรายได้

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562 - 21:00 น.

ก้าวสู่ปีที่ 4 แล้ว สำหรับ “JOOX” ผู้ให้บริการมิวสิกสตรีมมิ่ง ในเครือเทนเซ็นต์ (Tencent) จากแดนมังกร พร้อมโชว์ผลงานการเติบโตในไทยอย่างก้าวกระโดด ย้ำพฤติกรรมผู้บริโภคไทยที่ใช้ชีวิตกับอินเทอร์เน็ตและความบันเทิงอย่างต่อเนื่อง

“กฤตธี มโนลีหกุล” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) ผู้บริหาร JOOX ประเทศไทย เปิดเผยว่า การให้บริการในไทย 3 ปีที่ผ่านมา มียอดการสตรีมกว่า 3,000 ล้านครั้ง เติบโตกว่า 50% จากผู้ใช้งาน 10 ล้านคน โดย 42% อายุ 18-24 ปี 37% อายุ 25-34 ปี 11% อายุ 35-44 ปี 5% อายุมากกว่า 44 ปี และ 5% ต่ำกว่า 18 ปี ผู้ใช้ 55% เป็นคนกรุงเทพฯ และ 93% ฟังผ่านสมาร์ทโฟน

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้มิวสิกสตรีมมิ่งได้รับความนิยมมากขึ้นมาจากความเร็วอินเทอร์เน็ตที่มากขึ้น รวมถึงปริมาณดาต้าในแพ็กเกจ และราคาดีไวซ์ที่ลดลง

ขณะที่พฤติกรรมคนฟังเพลงในยุคนี้ไม่ต้องการดาวน์โหลดเป็นเจ้าของ แต่ขอแค่ได้ฟัง พร้อมย้ำว่า ตลาดมิวสิกสตรีมมิ่งยังเป็น blue ocean ดูเหมือนแข่งขันกันรุนแรง แต่ยังไม่ได้รุนแรงมาก เพราะยังอยู่ในช่วงที่ผู้ให้บริการเข้ามาดึงให้คนไทยฟังเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ เลิกพึ่งซีดีเถื่อน

แม้มิวสิกสตรีมมิ่งจะเป็นทางเลือกอันดับ 1 ในการฟังเพลง โดยมีสัดส่วนถึง 38% มีมูลค่ากว่า 5.4 แสนล้านบาท โดยในปี 2560 มีอัตราการเติบโตถึง 41.1% และยังคงเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่การขายแผ่นเสียง ซีดี และเทป ซึ่งมีสัดส่วนเพียง 30% ของรายได้ทั้งหมดของค่ายเพลง แต่ความท้าทายสำคัญ คือ คนไทยยังไม่พร้อมจะจ่ายเงิน ยังคุ้นชินของ “ฟรี” แม้ว่าค่าบริการราย “เดือน” จะเริ่มต้นแค่ 129 บาท พอ ๆ กับราคากาแฟ 1 แก้วก็ตาม

ดังนั้น โจทย์คือการหาโมเดลสร้างรายได้ในตลาดนี้แม้ปีที่ผ่านมารายได้จะเติบโต 100% เพราะจากฐานผู้ใช้งานที่แอ็กทีฟ JOOX ในไทย ถือว่าไม่น้อย เท่ากับตลาดหลักอย่างฮ่องกง แต่กลับมีไม่ถึง 10% ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อใช้บริการแบบ VIP ที่สามารถฟังเพลงได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีโฆษณา แต่ในภาพรวมที่มาของรายได้ยังอยู่ในสัดส่วนเท่า ๆ กับที่มาจาก media partner ราว 30 รายที่จับมือกับ JOOX แล้ว ดังนั้น การหารายได้จากนี้ นอกจากจะใช้รูปแบบของ V.I.P. subscription และ media partner แล้วจะเริ่มโมเดลในรูปแบบการซื้อเหรียญ (coins) ราคาตั้งแต่ 35-1,750 บาท เพื่อใช้ซื้อสติกเกอร์แบบพิเศษ เพื่อให้กำลังใจกับศิลปินที่ชื่นชอบ

นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าจะเพิ่มฐานผู้ใช้งานให้เป็น 12 ล้านคน จึงจะรุกตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีพฤติกรรมฟังเพลงสตรีมมิ่งแล้ว แต่กว่าครึ่งยังฟังผ่านคอมพิวเตอร์พีซี JOOX จึงจะพัฒนาการใช้งานในช่องทางนี้ให้สะดวกขึ้น พร้อมให้ความสำคัญกับเพลงลูกทุ่งที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 5 เพื่อดึงดูดผู้ใช้งาน รวมถึงการให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ “คาราโอเกะ” ที่เปิดตัวในปีที่แล้ว และการใช้งานเติบโตก้าวกระโดด มียอดร้องถึง 5 ล้านครั้ง และมีการแชร์เพลงที่ร้องแบบคาราโอเกะถึง 2.6 ล้านครั้ง โดยปีนี้จะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่

“JOOX VDO Karaoke” พร้อมเชิญศิลปินและอินฟูลเอนเซอร์ เข้ามาร่วมสร้างความสนุกให้ผู้ใช้งาน เป็นการดึงแฟนคลับเข้ามาเป็นลูกค้า ในส่วนของศิลปิน JOOX เน้นโมเดล collaboration project ในการสร้าง exclusive content ให้มากยิ่งขึ้น เช่น Shake the World มีการนำศิลปินดังของไทยมาร่วมกับศิลปินดังของเมียนมา และที่ผ่านมาสามารถดึงเพลงใหม่กว่า 60 เพลง/ปี มาให้บริการใน JOOX เป็นที่แรก ในส่วนของการหาศิลปินหน้าใหม่ JOOX ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยมีโปรเจ็กต์ JOOX spotlight ผู้ที่ได้คัดเลือกจะมีเงินสนับสนุนในการทำเพลงให้ นอกจากนี้ JOOX ยังเน้นการโปรโมตและส่งเสริมผลงานศิลปินในหลากมิติ เช่น การจัดคอนเสิร์ต ออกอีเวนต์ต่างจังหวัด เป็นต้น

“เทรนด์ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้สนใจหน้าตาศิลปิน แต่ฟังคุณภาพเสียง ดังนั้น JOOX ได้จัดคอนเสิร์ตเพื่อให้เจอหน้าตาว่าเป็นใคร รวมทั้งพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ เช่น ไลน์สตรีมมิ่ง พาไปที่อีเวนต์ที่ต่างจังหวัด เพื่อให้ศิลปินเป็นที่รู้จัก”

สำหรับพฤติกรรมการฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งของคนไทย ที่ JOOX สำรวจจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก พบว่า 72% ใช้ JOOX เป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับฟังเพลง และ 25% ใช้ Spotify 11% ใช้ Apple Music

ส่วนยอดดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น JOOX ในไทยมีทั้งสิ้น 68 ล้านครั้ง จากผู้ใช้ Android 84% ขณะที่ JOOX จัดทำเพลย์ลิสต์ไปแล้วทั้งสิ้นกว่า 3,400 เพลย์ลิสต์ แต่ที่น่าสนใจคือมีเพลย์ลิสต์ที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้งานเองวันนี้แล้วมากถึง 11 ล้านเพลย์ลิสต์ คนใช้เวลาอยู่บน JOOX เฉลี่ย 90 นาที/วัน 90% ของผู้ใช้ฟังเพลงไทย 70% ของการใช้งานอยู่ระหว่างเดินทาง

ไม่พลาดข่าวสารเศรษฐกิจ เจาะลึกทุกประเด็นทั้งภาครัฐ-เอกชน เพิ่มเราเป็นเพื่อนที่ Line ได้เลย พิมพ์ @prachachat หรือ คลิกลิงก์ https://line.me/R/ti/p/@prachachat