HaHa Taxi App พลิกเกมรับดิจิทัลดิสรัปต์

ธุรกิจขนส่งในไทยยังหอมหวาน เห็นได้ชัดจากการแห่ทุ่มเงินลงทุนของยักษ์ใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ และแม้ในไทยจะมีแท็กซี่กว่า 8 หมื่นคันในระบบ แต่ก็ยังมีปัญหาผู้โดยสารถูกปฏิเสธ ถูกทิ้งไว้กลางทาง ขณะที่ฝั่งแท็กซี่ดั้งเดิมก็ถูกเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วงชิงลูกค้าผ่านแอปพลิเคชั่นเรียกรถรับส่งต่าง ๆ

เมื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือ “แท็กซี่สีเขียว” ของ “สหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ” ที่ให้บริการกว่า 30 ปี ได้เปิดตัวแอปพลิเคชั่น “HaHa Taxi” ที่ลงทุนพัฒนากว่า 20 ล้านบาท โดยจับมือกับยักษ์ใหญ่ทางการเงินอย่าง “มาสเตอร์การ์ด”

“หัสดินทร์ เอี่ยมชีรางกูร” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮวา อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า แท็กซี่เป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับคนกรุงเทพฯ แต่ยังมีปัญหามากมายที่ผู้โดยสารต้องเผชิญ จึงอยากใช้เทคโนโลยีมาแก้ไข และเป็นการรับมือกับการถูกดิจิทัลดิสรัปต์ จากแอปพลิเคชั่นเรียกรถที่เกิดขึ้นมากมาย ทำให้ยอดจองรถของศูนย์วิทยุลดลงต่อเนื่อง จากเดิมมีผู้โดยสารโทร.เข้ามาจองรถกว่า 3,000 งานต่อวัน แต่ปัจจุบันเหลือเพียงวันละ 1,000 สายเท่านั้น

โดยแอปพลิเคชั่น “HaHa Taxi” จะตอบโจทย์เรื่องความสะดวกในการจองรถ และความปลอดภัย เนื่องจากออกแบบให้การเรียกรถผ่าน “มือถือ” ไปยัง “มิเตอร์ดิจิทัล” ของแท็กซี่ ทำให้ผู้ขับรถต้องใช้ใบขับขี่สาธารณะ เพื่อล็อกอินยืนยันตัวตนทุกครั้งก่อนนำรถมาขับ ทั้งยังติดตามวันเวลาขับรถ ความเร็วในการขับ พิกัดของรถได้

จุดเด่นที่สุดคือ เป็นแอปแรกที่มีระบบชำระเงินแบบไร้เงินสด “Masterpass” ของมาสเตอร์การ์ด การันตีความปลอดภัยในการผูกบัตรเครดิตหรือเดบิตเข้ากับแอปเพื่อชำระเงิน รองรับการก้าวสู่สังคมไร้เงินสด หมดปัญหาเรื่องแท็กซี่ไม่มีเงินทอน โดยยืนยันว่าผู้ขับรถจะไม่เห็นข้อมูลส่วนตัวของผู้โดยสาร แต่ข้อมูลจะถูกส่งไปที่เซิร์ฟเวอร์ของมาสเตอร์การ์ดโดยตรง

ส่วนค่าโดยสารที่ต้องจ่ายคือ ค่าบริการตามมิเตอร์ บวกกับค่า surcharge 50 บาท และ/หรือค่า advance อีก 150 บาท ในกรณีจองรถ ซึ่งคนขับก็จะได้รับเงินเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ถูกหักค่าธรรมเนียมในการรับเงิน นอกจากค่าธรรมเนียมสมาชิกรายปี 3,500 บาท และค่าติดตั้งมิเตอร์ดิจิทัลราว 3 หมื่นบาท ซึ่งมีต้นทุนที่ถูกกว่าระบบปัจจุบัน

แม้ว่า HaHa Taxi App จะมาทีหลังรายใหญ่อื่น ๆ แต่กลายเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มคุ้นเคยกับบริการนี้แล้ว โดยกลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้ที่ต้องการจองรถแท็กซี่ล่วงหน้า และจะใช้การเพิ่ม “จุดจอด” ตามโรงแรมและโรงพยาบาลชั้นนำ ก่อนจะเพิ่มรถในระบบให้ถึง 2 หมื่นคันให้เร็วที่สุด


“การใช้แอปเรียกรถ ช่วยทั้งประหยัดพลังงานและรักษาสภาพแวดล้อมจาก การมีรถเปล่าวิ่งวนหาผู้โดยสารทั่วเมือง”