กลุ่มสามารถเร่งปิดดีลตั้งแต่ต้นปี หวังดันรายได้ทั้งปีแตะ2หมื่นล้าน

รายงานข่าวจากกลุ่มบริษัทสามารถเปิดเผยว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2562 นี้ กลุ่มสามารถได้เซ็นสัญญาดำเนินโครงการกับหน่วยงานต่างๆ คิดเป็นมูลค่าเกือบ 2,000 ล้านบาท

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าตั้งแต่ต้นปี ธุรกิจของกลุ่มสามารถมีสัญญาณที่ดีจากข่าวดี และโอกาสทางธุรกิจในหลายโครงการ คาดว่าจะผลักดันรายได้รวมไปถึง 20,000 ล้านบาทได้ภายในสิ้นปีนี้

“เริ่มจากสายธุรกิจ ICT ที่เซ็นต์สัญญามูลค่าเกือบ 900 ล้านบาท ประเดิมได้งานโครงการติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารทางไกลเพื่อสนับสนุนให้แก่โรงเรียนปลายทาง, โครงการดูแลระบบไอทีของบมจ.ท่าอากาศยานไทย ,โครงการ Smart Health ID กระทรวงสาธารณสุข และ โครงการติดตั้งและพัฒนาระบบสารสนเทศธุรกิจหลัก (Core Business Process System)  ให้กับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย หรือ SME Bank มูลค่า 579 ล้านบาท เป็นต้น

ก่อนหน้านี้ได้งานจากโครงการบริการบํารุงรักษาระบบ Core Banking และระบบงาน Loan Origination จากธนาคารอาคารสงเคราะห์ มูลค่า 1,400 ล้านบาท จึงเห็นได้ว่าธุรกิจด้าน Finance Solution มีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูง และยังมีโครงการที่เพิ่งเซ็นต์สัญญาไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และจะรับรู้รายได้ในต้นปี คือ โครงการระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (CUPPS) ที่ท่าอากาศยานจ.กระบี่ ของกรมท่าอากาศยาน

และยังมีโครงการที่รอประมูลอีกกว่า 14,000 ล้านบาท อาทิ โครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกว่า 7,000 ล้านบาท โครงการของกองบัญชาการตำรวจแห่งชาติ 6,000 ล้านบาท และโครงการของบมจ.การท่าอากาศยานไทยกว่า 1,500 ล้านบาท

ส่วน บมจ.สามารถดิจิตอล หลังรุกเข้าสู่ธุรกิจ Digital Network เต็มรูปแบบ และร่วมกับ บริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) พัฒนาระบบวิทยุคมนาคมเฉพาะกิจระบบดิจิทัล หรือ CAT Nationwide DTRS ให้บริการติดต่อสื่อสารถึงกันครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ รวมถึงจำหน่ายเครื่องวิทยุสื่อสาร DTRS ให้ลูกค้าทั้งหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ล่าสุดจำหน่ายเครื่องให้กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 150 เครื่อง ส่วนหน่วยงานอื่น เช่น กรมอุทยานฯ และสำนักปลัดมหาดไทย จะเซ็นต์สัญญาเร็วๆ นี้ โดยปีนี้ตั้งเป้าจำหน่ายเครื่อง DTRS จำนวน 8 หมื่นเครื่อง


นอกจากนี้ ยังร่วมกับบมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี ในโครงการจัดหาอุปกรณ์ระบบโสตทัศนูปกรณ์ และระบบคอมพิวเตอร์แม่ข่าย และซอฟต์แวร์สนับสนุน ณ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ มูลค่า 800 ล้านบาท รวมถึงบริษัท ซีเคียวอินโฟ (SECUEiNFO) หนึ่งในกลุ่มบริษัทสามารถได้ร่วมมือกับ IBM Security ผู้นำด้านเทคโนโลยีศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคามไซเบอร์ หรือ Cyber Security Operation Center (CSOC) นำระบบ AI มาช่วยตรวจจับ วิเคราะห์การโจมตีทางไซเบอร์เป็นแห่งแรกในประเทศไทย และขณะนี้อยู่ในช่วงการเปิดตลาด คาดว่าจะได้รับความสนใจจากภาครัฐ และธุรกิจเอกชนอย่างแน่นอน