LINE จัด 20 ล้าน US หนุนสตาร์ตอัพไทย

LINE ScaleUp พร้อมทุ่ม 20 ล้านเหรียญสหรัฐปั้นสตาร์ตอัพไทยหนุนสู่ยูนิคอร์น มั่นใจกลุ่มแทรเวลเทค, ฟินเทค และเอดูเคชั่นเทคมีศักยภาพ แต่ขาดเม็ดเงินสนับสนุน ปีที่แล้วยอดลงทุนแค่ 61 ล้านเหรียญ ต่างกับอินโดฯที่พุ่งถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นายเจเดน คัง ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร LINE ScaleUp บริษัท LINE ประเทศไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมสตาร์ตอัพของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ถือว่ายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และยังไม่ได้รับการสนับสนุนเท่าที่ควร เมื่อเทียบกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่โดดเด่นในอาเซียน โดยปีที่ผ่านมามียอดลงทุนในสตาร์ตอัพไทยเพียง 61 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่อินโดนีเซียมีเงินลงทุนในสตาร์ตอัพถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ สิงคโปร์ 890 ล้านเหรียญสหรัฐ มาเลเซีย 148 ล้านเหรียญสหรัฐ

“ในช่วงปี 2554-2561 สตาร์ตอัพของไทย มีมูลค่าทางธุรกิจราว 337.4 ล้านเหรียญเท่านั้น โดยกว่า 87 รายอยู่ในระดับเริ่มต้น (preseed) 49 ราย อยู่ในระดับ seed อีก 21 ราย เป็นซีรีส์ A และมีเพียง 10 ราย อยู่ในซีรีส์ B และ C”

LINE จึงเลือกประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่เปิดตัวโครงการ “ScaleUp” เพื่อช่วยให้สตาร์ตอัพเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ครอบคลุมมากขึ้น ตั้งเป้าจะสร้างสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านเหรียญสหรัฐ เป็น “ยูนิคอร์น” รายแรกในประเทศไทย ภายใน 3-5 ปีนี้ ซึ่งเชื่อมั่นว่าสตาร์ตอัพกลุ่มแทรเวลเทค, ฟินเทค และเอดูเคชั่นเทค ในไทยมีศักยภาพเพียงพอ

สำหรับโครงการ LINE ScaleUp ในปีที่แล้ว มีผู้สมัครกว่า 50 ราย และมี 5 รายผ่านการคัดเลือก โดยลงทุนกับ “Sellsuki” และ “Fastwork” รายละ 5 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนอีก 3 ราย คือ ZmyHome, Finnomena และกระตุกหัวใจ Virtual Run ได้ช่วยให้ขยายธุรกิจได้เร็วขึ้น โดยใช้ฐานลูกค้าของ LINE กว่า 44 ล้านคนปีนี้เตรียมงบประมาณลงทุนที่ร่วมกับทาง LINE Ventures 20 ล้านเหรียญสหรัฐ จากงบฯลงทุนสตาร์ตอัพทั่วโลก 100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเน้นหาสตาร์ตอัพที่เปิดโปรดักต์หรือเซอร์วิสสู่ตลาดแล้ว และต้องการขยายบริการ รวมถึงพัฒนาธุรกิจบนแพลตฟอร์มของ LINE อย่างจริงจัง เปิดรับสมัครถึง 17 พ.ค.นี้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ScaleUp Camp และประกาศทีมที่ดีที่สุดราว พ.ย.นี้

“ปัจจุบันมีแอปพลิเคชั่นใน PlayStore กว่า 2.6 ล้านแอป และบน AppStore อีกกว่า 2 ล้านแอป แต่มีการโหลดมาใช้แค่ 30 แอป และใช้งานประจำเพียง 6-7 แอปเท่านั้น”

ขณะที่ 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตผ่านมือถือใช้ LINE ทุกวัน นี่คือโอกาสเข้าถึงลูกค้ามหาศาล พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาและฝึกสอน รวมถึงเปิดให้เชื่อมต่อ API เข้ากับแพลตฟอร์มของ LINE ด้วย