สร้างไร่อ้อย “Big Data” ปั้นต้นแบบเกษตร 4.0

“เกษตรกรรม” เป็นอีกกลไกเศรษฐกิจสำคัญ ทั้งในแง่ของการใช้พื้นที่กว่า 40% ของประเทศ รวมถึงเม็ดเงินราว 10% ของ GDP แต่กลับมีการใช้เทคโนโลยีน้อย เหตุจากความไม่มั่นใจและไม่คุ้นเคยการสร้าง “ต้นแบบ” จึงเป็นแนวทางที่ สวทช. (สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ) กลุ่มมิตรผล และ IBM ตั้งเป้าวิจัยเพิ่มผลผลิตอ้อย โดยใช้ AI IOT และ data analytics

“ดร.ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย” ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) สวทช. เปิดเผยว่า เกษตรกรไทยไม่ถึง 10% ที่ใช้เทคโนโลยี ยิ่ง “data” ยิ่งใช้น้อย

“ความร่วมมือครั้งนี้มีโอกาสสูงจะพัฒนาต้นแบบสมาร์ทฟาร์มให้เกษตรกรเปิดใจ เพราะมิตรผลเป็นรายใหญ่ มีข้อมูลเยอะ สวทช.ทำงานด้าน AI big data มานาน ทั้งมีข้อมูลระดับประเทศ ขณะที่ IBM มีข้อมูลและเทคโนโลยีระดับโลก เป้าหมายคือจะทำนาย จำนวนผลผลิต ความหวานของอ้อย โรคพืชโรคแมลง”

“ปฐมา จันทรักษ์” รองประธานด้านการขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศอินโดจีน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ IBM ประเทศไทย กล่าวว่า ไทยเป็นประเทศแรกในเอเชีย-แปซิฟิก ที่ใช้ IBM Watson กับเกษตร เนื่องจากไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมและเป็นครัวของโลก เป้าหมายจึงเป็นการนำข้อมูลเชิงลึกมาเป็นเครื่องมือ พลิกโฉมสู่ก้าวใหม่สมาร์ทฟาร์มเมอร์

ปัจจุบันนักวิจัย IBM กำลังพัฒนา “agronomic insights assistant” โดยใช้แพลตฟอร์ม IBM Watson สำหรับการเกษตร ร่วมกับ IBM PAIRS Geoscope ผสานข้อมูลความสัมพันธ์เชิงเวลาและพื้นที่ ร่วมกับข้อมูลทางการเกษตร โดยใช้โมเดลการพยากรณ์ที่แม่นยำจาก The Weather Company กลั่นกรองเป็นข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความชื้นของดิน ภาวะการขาดน้ำและอาหารที่ส่งผลต่อการเติบโตของอ้อย ความเสี่ยงของโรคและศัตรูพืช ปริมาณผลผลิตและดัชนีคุณภาพความหวานของอ้อย

เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ เกษตรกรจะเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ช่วยประเมินและจัดการความเสี่ยง วางแผนการเพาะปลูกได้อย่างเฉพาะเจาะจงพื้นที่ ลดการสูญเสียและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต “ข้อมูลทุกอย่างดูได้ผ่านสมาร์ทโฟน จุดสำเร็จคือสเกลไปใช้กับพืชอื่น ๆ ได้”

ด้าน “รศ.ดร.กล้าณรงค์ ศรีรอต” Head of Innovation and Research Development Institute กลุ่มมิตรผล ระบุว่า ประเทศไทยได้เปรียบด้านการเกษตร มีอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายเป็นอันดับ 8 ของโลก ขณะที่ “อ้อย” เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญ ไทยเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก และมีบทบาทสำคัญในการป้อนน้ำตาลสู่ตลาดโลก ส่วนแบ่งตลาด 9.4% ในปี 2560 ทั้งคาดว่าปี 2561-2562 จะผลิตน้ำตาลได้ 14.1 ล้านเมตริกตัน เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อนหน้า

บทบาทของมิตรผลคือ เป็นภาคปฏิบัติ โดยใช้ประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลกว่า 63 ปี จึงสามารถรวบรวมข้อมูลมาให้วิเคราะห์ได้ เป็นการนำเทคโนโลยีมาต่อยอดให้ยั่งยืน โดยใช้พื้นที่ทดสอบ 2,000 ไร่


“การวิจัยครั้งนี้ไม่ได้แค่ช่วยมิตรผล แต่เป็นประโยชน์ต่อวงการเกษตรกรไทย ที่ผ่านมาเรามีข้อมูลจำนวนมากที่ไม่เคยนำมาใช้เลย จึงต้องการ big data และใช้ AI มาช่วยเพิ่มผลผลิตให้เกษตรมีรายได้ยั่งยืน เมื่อโครงการสำเร็จองค์ความรู้ต่าง ๆ จะถูกเผยแพร่สู่ชุมชน”