ดาต้าเซ็นเตอร์โตไม่หยุด “คลาวด์” ลุยใช้ AI เสริมอัจฉริยะ

เทรนด์การใช้ดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์ในองค์กรฮอตฮิตในไทยมาพักใหญ่แล้ว เรียกว่า “ใครไม่ใช้ถือว่าตกยุค” จนทำให้ตลาดคลาวด์ในประเทศไทยยังโตต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้น่าจะทะลุ 31.5% แถมโลกธุรกิจวันนี้ต้องล้ำไปกว่านั้นด้วยการผนวก AI : ปัญญาประดิษฐ์เข้าไปด้วย

“ศุภรัฒศ์ ศิวะเพ็ชรานาถ สิงหรา ณ อยุธยา” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรู ไอดีซี เปิดเผยว่า บริษัทได้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์มากว่า 15 ปี แต่ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ของไทยยังเติบโตต่อเนื่อง ปีที่แล้วโต 14-15% ขณะที่บริการคลาวด์ก็ยังมีโอกาสเติบโตสูง ปีที่แล้วโต 26% ปีนี้ประเมินว่ามูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 156.9 ล้านเหรียญสหรัฐ และเพิ่มเป็น 204.3 ล้านเหรียญในปี 2563

ขณะที่ในส่วนของ “ทรู ไอดีซี” เองปีที่แล้วบริการคลาวด์เติบโตถึง 63% ดาต้าเซ็นเตอร์โต 26% มีสัดส่วนรายได้จากบริการดาต้าเซ็นเตอร์ 60% อีก 40% มาจากบริการคลาวด์ แต่คาดว่าภายใน 5 ปีจะมีสัดส่วนรายได้เท่า ๆ กัน ซึ่งปัจจุบันตลาดแข่งขันรุนแรงในการสร้างบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้า โดยล่าสุดได้ร่วมกับ “เทนเซ็นต์” ในการเป็นรีเซลเลอร์รายเดียวของบริการ “Interactive and AI Enabled Cloud Platform” เพื่ออุดช่องว่างในตลาดคลาวด์สาธารณะของไทยด้วยการใช้โซลูชั่น AI ระบบวิเคราะห์ใบหน้า ระบบค้าปลีกอัจฉริยะ เป็นจุดแข็ง

ด้าน “ชาง ฟู” ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า เทนเซ็นต์มีศูนย์คลาวด์ที่รองรับ AI ใน 5 ประเทศ โดยในไทยถือเป็นบริษัทแรกที่ลงทุนด้านนี้

“เลือกประเทศไทยเพราะเห็นโอกาสที่ธุรกิจในไทยกำลังเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคดิจิทัล และมีการผลักดันนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ส่วนความไม่แน่นอนทางการเมืองเชื่อว่าไม่มีผล เพราะภาคอุตสาหกรรมไทยก็ยังเติบโต การเมืองเป็นเพียงปัจจัยภายนอกที่ยังไม่กระทบโดยตรง”

กรรมการผู้จัดการ ทรู ไอดีซี ย้ำอีกว่า หากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนจะทำให้ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์และคลาวด์เติบโตมากกว่านี้ อาทิ ในอินโดนีเซียและมาเลเซีย ภาครัฐให้การสนับสนุนให้เก็บดาต้าภายในประเทศเท่านั้น ส่งผลให้ตลาดเติบโตกว่า 41% แต่ไทยยังไม่มีนโยบายในรูปแบบนี้

“การตั้งดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศ จะลดต้นทุนเป็นเลข 2 หลัก จึงอยากฝากให้รัฐบาลใหม่ที่ช่วยมองถึงนโยบายในส่วนนี้ เพราะการใช้คลาวด์จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขัน ช่วยลดต้นทุน ได้ความเร็วที่เพิ่มขึ้น”