คอลัมน์ Pawoot.com
โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- รักษาการอธิบดี DSI เปิดเงื่อนไข “ขนย้ายกากแคดเมียม” เข้าข่ายเป็นคดีพิเศษหรือไม่
ในยุคที่ดิจิทัลมีอิทธิพลต่อชีวิตของผู้คน การทำธุรกิจได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน ยกตัวอย่างที่น่าสนใจจากแบรนด์ “บาร์บีคิวพลาซ่า” ที่ทำธุรกิจกว่า 32 ปี และนำดิจิทัลมาทรานส์ฟอร์มในธุรกิจได้อย่างน่าสนใจ
คุณบุญย์ญานุช บุญบำรุงทรัพย์ ผู้บริหารบาร์บีคิวพลาซ่า เล่าถึงประสบการณ์ทำ ตั้งแต่เมื่อ 6 ปีที่รีแบรนด์ครั้งใหญ่ ภาพของบาร์บีคิวพลาซ่าในวันนี้ต่างจากเมื่อก่อนอย่างชัดเจน
หลักการ-วิธีคิดของบาร์บีคิวพลาซ่า อันดับแรก คือ การที่จะทรานส์ฟอร์มองค์กรได้ต้องเริ่มจากผู้นำองค์กรหรือเจ้าของธุรกิจก่อนเสมอ ถ้าไม่ทรานส์ฟอร์มตนเองก็ไม่มีทางเลยที่จะเปลี่ยนองค์กรได้ mindset เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
ต่อมาคือ “คน” ในองค์กร แม้ว่าคุณจะซื้อระบบต่าง ๆ มา แต่ถ้าคนในองค์กรไม่พร้อมทรานส์ฟอร์ม สุดท้ายก็ไม่มีทางทำได้ กุญแจสำคัญสำหรับ digital transformation ไม่ใช่เรื่องเทคโนโลยี แต่เป็นการทำให้คนในองค์กรพร้อมที่จะเปลี่ยนด้วยอย่างจริงจังมากกว่าปัญหาหลักที่เห็นหลายที่คือ ยิ่งบริษัทลงทุนในดิจิทัลหรือเทคโนโลยีมากเท่าไหร่ คนในองค์กรจะยิ่งกลัว คือกลัวจะตกงาน จนอาจมีกลุ่มคนที่ต่อต้าน เพราะวิธีการ lean process บางอย่างอาจกระทบกับคนที่ทำงานเดิม ตัวอย่างที่เกิดขึ้นจริงคือการนำระบบ cash machine มาใช้ในสาขา ลดเวลาคิดเงินของลูกค้าได้มาก เรื่องนี้มีความสำคัญมากในการสร้างความเข้าใจให้กับทีมงาน
ขณะเดียวกันต้องให้คนได้ทำงานที่เครื่องออโตเมชั่น เทคโนโลยี หรือโรบอตทำไม่ได้ นั่นคือการให้บริการและดูแลลูกค้านำ Digital Transformation มาปรับใช้อย่างไร
“บาร์บีคิวพลาซ่า” ปรับหลายอย่างเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า ที่กำลังจะทำแน่ ๆ คือให้แบรนด์เป็น first choice ที่ลูกค้านึกถึงเมื่อเข้ามาในห้างโดยมีการพัฒนาในมุมของภาพลักษณ์ของแบรนด์ food innovation ใหม่ ๆ ที่นำออกมา และการปรับปรุงพนักงานในเรื่องการบริการ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำเข้าไปใช้ในสาขา รวมถึงการเอา data ต่าง ๆ ที่นำมาใช้ในระบบหลังบ้าน เพื่อให้เข้าใจลูกค้ามากขึ้นการปรับเปลี่ยนองค์กรโดยนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ อาจมีการลงทุนมากพอสมควร แต่เราใช้กลยุทธ์คือ เอาเวลาที่มีไปทำในเรื่องที่เราเก่ง เรื่องที่เราไม่เก่งจะหาพาร์ตเนอร์มาช่วย อย่างเรื่องของ cash machine เราไม่ใช้วิธีซื้อเครื่อง แต่จะมีพาร์ตเนอร์มาช่วยในรูปแบบของการพัฒนาร่วมกัน และเป็นการเช่าซื้อโดยมี outsource เป็นคนคอยจัดการอัพเกรดต่าง ๆ ให้ผู้บริหารยุคทรานส์ฟอร์เมชั่นไม่ง่าย ต้องเรียนรู้และต้องปรับตัวตลอดเวลา เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนเร็วมาก สิ่งที่ต้องทำอยู่เสมอคือการเรียนรู้ สมัยก่อนอาจเป็นปริญญาโทหรือเอก
แต่ยุคนี้จากที่มีโอกาสได้ไปเรียนคอร์สสั้น ๆ ซึ่งคิดว่ามีประโยชน์มาก เป็นการเอาตัวเองออกนอกกะลา ได้ไปอยู่ในสังคมใหม่ ๆ ได้เห็นโลกใหม่ ได้พบกับคนที่มาจากองค์กรต่าง ๆ คุณบุญย์ญานุชมีอีกบทบาทหนึ่ง ในฐานะที่เคยเป็นนักเรียนมาก่อน โดยเป็นผู้ร่วมพัฒนาหลักสูตร DEF (Digital Edge Fusion) ร่วมกับมหาวิทยาลัยศรีปทุม และกับผม มีมาถึงรุ่น 3 แล้วครับ ตอนนี้เปิดอีกหลักสูตรย่อยคือ DEFg (Digital Edge Fusion Gravity) ที่เน้นเรื่องการทรานส์ฟอร์เมชั่นจริง จากตัวจริงและประสบการณ์จริง เพื่อให้ผู้บริหาร-เจ้าของธุรกิจได้เปิดมุมมองร่วมกัน
ล่าสุดจะเปิดคลาสตั้งแต่ 7 มิ.ย.-9 ส.ค. 2562 สนใจสอบถามเพิ่มเติมที่มหาวิทยาลัยศรีปทุม หรือ www.defbyspu.com หรือ Line @defbyspu
