หัวเว่ยยอมรับสงครามการค้าสะเทือนยอดขาย แต่มั่นใจปิดปียอดยังเติบโต หารือพาร์ตเนอร์หาทางออกกู้วิกฤต
นายโจว เจิ้น ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะและการสื่อสาร ภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า การเพิ่มชื่อ “หัวเว่ย” ใน “entity list” ของสหรัฐ ไม่ใช่มาตรการกดดันการแข่งขันโดยทั่วไป แต่ได้ทำลาย value chain เกิดการแบ่งแยก ทำให้ซัพพลายเชนของโลกรวมทั้งผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีต้องตัดขาดกับหัวเว่ย ซึ่งไม่ส่งผลดีกับใคร
“ทั่วโลกหากกังวลเรื่องความปลอดภัยด้านอินเทอร์เน็ต จะป้องกันด้วยการใช้เทคโนโลยี การออกกฎระเบียบมาป้องกัน ไม่ใช่นำการเมืองมาแก้ปัญหาและกีดกันบริษัทไอซีทีรายใดรายหนึ่งไม่สามารถแก้ไขเรื่องความปลอดภัยได้”
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
ขณะที่บริษัทสัญชาติอเมริกา อาทิ ไมโครซอฟท์, กูเกิล ล้วนไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่ทำให้เกิดความแตกแยกทางธุรกิจ และหารือร่วมกับหัวเว่ยเพื่อหาทางแก้ไขและยอมรับว่าส่งผลต่อยอดขายสินค้าบ้าง แต่ไม่ได้กระทบอย่างมากจนเห็นได้ชัด แต่ในไตรมาส 1 ปีนี้หัวเว่ยมียอดขายทั่วโลกเติบโต 39% เฉพาะ เม.ย.เติบโต 25% ฉะนั้นยังมั่นใจว่ายอดขายทั้งปียังเติบโต
ส่วนระบบปฏิบัติการใหม่ของหัวเว่ยยังเป็นเรื่องใหม่มาก จึงยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่ที่ผ่านมาหัวเว่ยได้ลงทุนด้านวิจัยและพัฒนากว่า 10% ของรายได้มาตลอด
“ในภาวะวิกฤตที่เกิด แน่นอนว่ามีความกดดันเพิ่มมากขึ้น ต้องประชุมกันมากขึ้นและติดต่อกับพันธมิตรตลอดทั้งในไทยและทั่วโลกเพื่อสร้างความมั่นใจ รวมถึงใช้ช่องทางออนไลน์อธิบายข้อมูลให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าจะฟื้นฟูความเชื่อมั่นกลับมาในไม่ช้านี้”