“เพื่ออุดมการณ์ไม่ใช่เงิน” หัวเว่ย ทุ่ม R&D โหม 5G

แม้จะตกเป็นเป้าของสงครามการค้าจีน-สหรัฐ แต่ “หัวเว่ย” ยังโชว์ความแข็งแกร่งด้วยการลงนามข้อตกลงร่วมกันพัฒนา 5G กับ “MTS” ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชั้นนำของรัสเซีย ซึ่งการลงนามเกิดขึ้นในการประชุมสุดยอดระหว่าง สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน และ วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ที่กรุงมอสโก ขณะเดียวกันทางโฆษกของหัวเว่ยก็ยังออกมายืนยันว่า กำลังการผลิตทั่วโลกของหัวเว่ยยังไม่เปลี่ยนแปลง หลังมีกระแสข่าวว่า Foxconn ได้รับคำสั่งให้ลดกำลังการผลิตอุปกรณ์ของหัวเว่ย

สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของ “เหริน เจิ้งเฟย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อจีนที่ระบุว่า การเพิ่มหัวเว่ยเข้าไปใน entity list จะไม่ส่งผลกระทบมากนัก หัวเว่ยยังมีการประมูลโครงการทั่วโลก และศักยภาพการผลิตระดับ mass ของหัวเว่ยมีมหาศาล ทั้งไม่คิดว่าจะทำให้ตลาดต่างประเทศจะถูกทำลาย เพราะยุโรปจะไม่ดำเนินตามรอยเท้าของสหรัฐ และบริษัทสหรัฐ ส่วนใหญ่กำลังหารือกับหัวเว่ยอย่างใกล้ชิดเพื่อหาทางออก พร้อมย้ำว่า หากมีบริษัทจำนวนมากขึ้นพร้อมใจกันไม่ก้มหัวให้กับการกดดันครั้งนี้ บริษัทอื่น ๆ ก็จะทำตาม

“การเติบโตของเราจะช้าลง แต่จะไม่มากเท่าที่ทุกคนคิด ในไตรมาสแรกของปีนี้ รายได้ของเราเพิ่มขึ้น 39% สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน อัตรานี้จะลดลง 25% ในเดือนเมษายน และอาจจะยังลดลงไปเรื่อย ๆ จนสิ้นปี แต่การแบนของสหรัฐจะไม่ทำให้การเติบโตต้องติดลบ หรือทำให้การพัฒนาอุตสาหกรรมของเราแย่ลง และหัวเว่ยจะไม่สะดุดเพราะขาดแคลนชิ้นส่วน เราเตรียมการไว้ดีพอ เพราะได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า เรื่องทำนองนี้อาจเกิดขึ้น”

ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยกล่าวและย้ำว่ายังต้องการชิปของสหรัฐอยู่เสมอ แม้หัวเว่ยจะสามารถผลิตชิปคุณภาพสูงและมีต้นทุนต่ำกว่าการซื้อจากพันธมิตรในสหรัฐมาก แต่หัวเว่ยจะไม่ทิ้งพันธมิตรสหรัฐ หรือหาทางเติบโตด้วยตัวเองทั้งหมด แต่จะเติบโตไปด้วยกัน ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสังคมข้อมูลเพื่อมวลมนุษยชาติ ไม่ต้องการที่จะทำงานอย่างโดดเดี่ยว

“เราไม่ควรจะตกเป็นเป้าหมายของการชักจูงที่มีสหรัฐเป็นตัวตั้งตัวตี เพียงเพราะเรามีความก้าวหน้ากว่าสหรัฐ เทคโนโลยี 5G ไม่ใช่ระเบิดปรมาณู แต่เป็นสิ่งที่จะสร้างประโยชน์ให้กับสังคม”

ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเรียนรู้กับบริษัทในสหรัฐ โดยผู้ก่อตั้งหัวเว่ยกล่าวว่า การครองใจคนเก่ง ๆ บริษัทตะวันตกยังมองการณ์ไกลกว่า ในการค้นหาและคัดเลือกคนเก่ง ๆ เข้ามาทำงานในฐานะเด็กฝึกงาน มีการอบรมอย่างเข้มข้นระหว่างการฝึกงาน แต่หัวเว่ยยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงดูดคนเก่ง กูเกิลเสนอค่าตอบแทนที่สูงกว่า 5-6 เท่าของอัตราทั่วไปเพื่อจ้างหัวกะทิเข้ามาทำงาน แต่ปีนี้หัวเว่ยจะร่วมเข้าแข่งขันเพื่อดึงตัวคนเก่ง

นอกเหนือจากการทุ่มเทพลังกับการวิจัยและพัฒนาทุกปีที่หัวเว่ยได้ลงทุนกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งยังย้ำว่า แรงกดดันในเรื่องผลประกอบการทางการเงินของเราที่ลดต่ำลงนั้นจะส่งผลต่อการลงทุนในด้านการวิจัยและพัฒนาของเรา

พร้อมย้ำว่า “หัวเว่ยจะยังเดินหน้าทำหน้าที่ของตนเองต่อไป และยังคงทำงานเพื่ออุดมการณ์ที่จะเชื่อมต่อผู้คนทั่วโลกเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ทำเพื่อเงิน”