ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของ กสทช. ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ฯ

ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนมติของ กสทช. ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ฯ ช่องรายการ พีซ ทีวี (PEACE TV)

เมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน ๒๕๖๒ ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ ๑๑๖๓/๒๕๕๘ คดีหมายเลขแดงที่ ๗๑๖/๒๕๖๒ ระหว่าง บริษัทพีซ เทเลวิชั่น จำกัด ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ กับพวกรวม ๖ คน กับ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และสำนักงาน กสทช. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีทั้งหกฟ้องว่า ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ได้ออกอากาศรายการมองไกล ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมยูดีดี ช่องรายการพีซ ทีวี เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๘ หลังมีการออกอากาศรายการดังกล่าว คณะทำงานติดตามสื่อ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้มีหนังสือแจ้งผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ว่า เนื้อหารายการดังกล่าวมีลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสน ยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความขัดแย้ง หรือสร้างความแตกแยก

ในราชอาณาจักร ต่อมา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้พิจารณาแล้วมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการพีซ ทีวี ของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ และให้บริษัทวีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งผู้ฟ้องคดีทั้งหกเห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

จึงนำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนมติดังกล่าว และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ชดใช้ค่าเสียหาย พร้อมทั้งมีคำขอคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา ซึ่งศาลปกครองกลางได้มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น

ศาลปกครองกลางพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในกระบวนการพิจารณาทางปกครองก่อนมีมติให้เพิกถอนใบอนุญาตฯของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ นั้น ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ไม่ได้แจ้งให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ทราบถึงคำร้องเรียน และไม่ได้ให้โอกาสผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและแสดงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง อีกทั้ง ในชั้นการรวบรวมข้อเท็จจริงของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ก็ไม่ปรากฏว่าได้มีการแจ้งสิทธิและหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครอง ตลอดจนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกกล่าวหาและพยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหาให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ทราบตามความจำเป็น

อันจะทำให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ มีโอกาสโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตน จึงเป็นการรวบรวมข้อเท็จจริงที่ไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ในประกาศ กสทช.เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำความผิดในกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ที่มีโทษทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๕๖ นอกจากนี้ ข้ออ้างของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามที่ว่า การนำเสนอเนื้อหารายการมองไกล ส่งผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของสังคมภายใต้สภาวการณ์ที่รัฐบาลกำลังสร้างความปรองดองสมานฉันท์ จึงอาจเป็นความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อประโยชน์สาธารณะได้ นั้น

กรณีก็ไม่ปรากฏว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงใดเกิดจากการเสนอรายการดังกล่าวที่เข้าลักษณะมีความจำเป็นรีบด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือจะกระทบต่อประโยชน์สาธารณะ อันจะเข้าข้อยกเว้นตามมาตรา ๓๐ วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่ไม่ต้องให้โอกาสคู่กรณีโต้แย้งแสดงพยานหลักฐาน

ดังนั้น จึงเป็นการพิจารณาทางปกครองที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเป็นผลทำให้มติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการ พีซ ทีวี ของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ และให้บริษัทวีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย สำหรับในส่วนที่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ มีคำขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ชดใช้ค่าเสียหายนั้น

เมื่อศาลยังมิได้วินิจฉัยเนื้อหาแห่งการกระทำความผิดตามที่ถูกร้องเรียนว่า ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ โดยออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาต้องห้ามตามที่ถูกร้องเรียนหรือไม่ ประกอบกับแม้ศาลจะมีคำพิพากษาให้เพิกถอนมติที่ให้ลงโทษทางปกครองในคดีนี้

แต่ก็ไม่เป็นการตัดอำนาจของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่จะดำเนินกระบวนการพิจารณาทางปกครองแก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการที่กฎหมายและประกาศที่เกี่ยวข้องกำหนด กรณีจึงยังไม่อาจถือว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๒ กระทำละเมิดให้ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ได้รับความเสียหาย และไม่อาจพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ได้

จึงพิพากษาให้เพิกถอนมติของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ในการประชุมครั้งที่ ๑๔/๒๕๕๘ เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ ที่ให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการ พีซ ทีวี ของผู้ฟ้องคดีที่ ๑ และให้บริษัทวีซายน์ เทเลคอม จำกัด ระงับการให้บริการโครงข่ายกระจายเสียงหรือโทรทัศน์แก่ผู้ฟ้องคดีที่ ๑ โดยให้มีผลย้อนหลังไป

นับแต่วันที่ออกคำสั่ง ทั้งนี้ ไม่ตัดสิทธิที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จะดำเนินการสอบสวนใหม่ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และให้คำสั่งทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองมีผลต่อไปจนกว่าศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุด