WeTV ลุยผนึกพาร์ตเนอร์ไทย ปั้นคอนเทนต์เบียดขึ้น Top3

เทนเซ็นต์ดัน “WeTV” รุกตลาด OTT ไทย ปักธงชิงแชร์อันดับ 3 ในสิ้นปี โชว์ยอดผู้ใช้ soft launch หลักแสนต่อวันเบียดรายย่อยกระเด็น เดินหน้าผนึกยักษ์คอนเทนต์ในไทยสร้างออริจินอลซีรีส์ดึงคนดูทั้งไทย-จีน พร้อมบันเดิลแพ็กเกจหลากหลายพันธมิตร

นายกฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือมี 4,000 ล้านคนทั่วโลก 973 ล้านคน ใช้แอปพลิเคชั่นดู VDO 14.6% มาจากทวีปเอเชียโดยในแพลตฟอร์ม Tencent Video ที่ให้บริการในจีน มีผู้ใช้งาน 200 ล้านคน/วัน เฉลี่ยรับชม 100 นาที/คน ยอด subscirbers 89 ล้านคน ผลิตออริจินอลคอนเทนต์กว่า 80 เรื่องในปีที่แล้ว

ขณะที่คนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง 11 นาที 98% ดูวิดีโอ 53% ดูสตรีมมิ่งเซอร์วิส โดยใช้เวลา 3 ชั่วโมง 44 นาที ดูทีวีสตรีมมิ่งและวิดีโอ เป็นสถิติที่สูงกว่าการใช้งานโซเชียลมีเดีย ที่อยู่ราว 3 ชั่วโมงต่อวันไทยจึงเป็นแห่งแรกที่เลือกเปิด “WeTV” บริการวิดีโอสตรีมมิ่ง นอกจีน ชูจุดเด่นที่คอนเทนต์พรีเมี่ยมจากจีนโดย 60% เป็นคอนเทนต์จีน ไทย 20% เกาหลี 10% และอเมริกา 5% “soft launch ตั้งแต่ มี.ค. มีผู้ใช้งานวันละหลักแสนคน/เดือน 80% ของผู้ใช้เป็นผู้หญิง 70% อายุเฉลี่ย 18-34 ปี ใช้เวลากับแพลตฟอร์มราว 80 นาที/วัน คอนเทนต์ที่นิยม คือ โรแมนติกคอมเมดี้, หนังย้อนยุค, แอ็กชั่นแฟนตาซี”และยังจับมือกับผู้ผลิตคอนเทนต์ในไทยเพื่อเจาะตลาดแมส อาทิ ช่อง one31 ค่าย gdh และ D insight ทั้ง Tencent ประเทศไทยตั้งเป้าผลิตคอนเทนต์ละครไม่ต่ำกว่า 2 เรื่องในปีหน้า

“คอนเทนต์จีนคนไทยคุ้นเคย และคุณภาพก็ดีมาก ซึ่งได้ผลตอบรับดีจากการทำการตลาดกับกลุ่มแฟนคลับหนังจีน ขณะที่การจับมือกับพาร์ตเนอร์ไทย ก็สร้างโอกาสนำคอนเทนต์ไทยไปทำตลาดที่จีนด้วย”

บริการคอนเทนต์ออนไลน์ในไทย (OTT) ยังเป็น blue ocean แข่งขันไม่สูง มีผู้เล่นในตลาดไม่ถึง 10 ราย และทุกรายพยายามหาจุดแข็งเพื่อดึงลูกค้า WeTV ใช้โมเดลแบบ “ฟรีเมี่ยม” คือ มีทั้งดูฟรีและสมัครสมาชิกได้ ซึ่งประสบความสำเร็จมากจาก JOOX ทั้งยังเป็นแพลตฟอร์มที่มีครบอีโคซิสเต็ม ปีนี้จึงตั้งเป้าเป็นอันดับ 3 ในตลาด หรือมีผู้ใช้งานขั้นต่ำ 5 แสนราย/วัน

โดยในช่วงแรกเน้นที่การเพิ่มยอดใช้งานจากผู้ใช้ มากกว่าการเร่งคืนเม็ดเงินลงทุน ดังนั้นบนแพลตฟอร์มจะยังไม่มีโฆษณา ขณะที่ภายในไตรมาส 3 จะออกแพ็กเกจสมาชิก รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคชาวไทยที่พร้อมจะจ่ายค่าสมาชิกสำหรับบริการคอนเทนต์มากขึ้น โดยจะเป็นการทำแพ็กเกจร่วมกับบริการของ JOOX เพื่อจูงใจ และในอนาคตจะต่อยอดความร่วมมือกับพาร์ตเนอร์อื่น อาทิ ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

“ผู้บริโภคในปัจจุบันก็เรียนรู้ที่จะยอมจ่ายมากขึ้น เพราะไม่ต้องไปเสี่ยงโดนไวรัสจากเว็บละเมิดลิขสิทธิ์ ช่องทางเราสะดวก และราคาไม่เกิน 200 บาท/เดือน ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ชมรับได้ อย่าง Netflix ก็ยังมีคนยอมจ่าย ซึ่งก็จะชิน”