คอลัมน์ Startup ปัญหาทำเงิน
โดย มัชฌิมา จันทร์สว่างภูวนะ
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- กีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เสียชีวิต อายุ 56 ปี
ตอนที่เทคโนโลยียังไม่ล้ำสมัย บริการโอนเงินข้ามประเทศผูกขาดโดยผู้ให้บริการไม่กี่รายที่คิดค่าบริการแพงหูฉี่ แต่เดี๋ยวนี้แค่คลิกหน้าจอไม่กี่ครั้งเราก็ส่งเงินข้ามประเทศกันได้ง่าย ๆ แถมราคาถูกด้วยTransferWise คือผู้เล่นหน้าใหม่ที่เข้ามาเขย่าวงการในปี 2011 ด้วยการนำเสนอบริการส่งเงินข้ามประเทศผ่านแอปพลิเคชั่นที่มีค่าบริการถูกกว่าผู้ให้บริการรายเดิมหลายเท่า
“คริสโต คาร์แมน” กับ “ทาเวท ฮินริคัส” สองหนุ่มเอสโตเนียที่มาทำงานในลอนดอน ตั้งบริษัทนี้ขึ้นหลังเจอปัญหาค่าโอนเงินกลับบ้านและค่าอัตราแลกเปลี่ยนแสนแพง ผ่านไป 8 ปี มีพนักงาน 1,500 คน ให้บริการโอนเงินเดือนละ 5 พันล้านเหรียญไปยัง 71 ประเทศทั่วโลก
เหตุที่ TransferWise โตรวดเร็วมาจากบรรดาแรงงานต่างด้าวที่ส่งกลับไปให้ครอบครัว ซึ่งรายงานของธนาคารโลก ระบุว่า มีมูลค่าถึง 689 พันล้านเหรียญในปี 2018 เพิ่มขึ้น 8.8% จากปี 2017 แต่ค่าบริการก็แพง เฉลี่ยอยู่ที่ 7% และอาจเพิ่มเป็น 10% เมื่อโอนไปแอฟริกาบางประเทศ ด้วยบริการแบบดิจิทัลล้วน ๆ จึงไม่ต้องเปิดจุดให้บริการเหมือนผู้ให้บริการรายเดิมอย่าง Western Union หรือ Moneygram ทำให้ประหยัดต้นทุนและนำส่วนต่างนี้มาคืนกำไรให้ลูกค้าด้วยการคิดค่าบริการที่ถูกกว่าคู่แข่งอย่างชัดเจน
ลูกค้าของ TransferWise จ่ายค่าธรรมเนียมเฉลี่ย 0.63% ของจำนวนเงินโอน และบางประเทศในกลุ่ม Eurozone เริ่มลดค่าบริการเป็น 0.35% ขณะที่คู่แข่งคิดค่าบริการเฉลี่ยที่ 5% ถึงตอนนี้ TransferWise มีข้อเสียเปรียบตรงที่ลูกค้าต้องมีบัญชีธนาคาร (ทั้งผู้โอนและผู้รับ) จึงจะใช้บริการได้ ทำให้ลูกค้าที่อยากโอนเงินไปให้ญาติที่อยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกล ไม่สามารถใช้บริการได้ แต่ “คาร์แมน” เชื่อว่าอีกไม่นานปัญหานี้จะเปลี่ยนไป เมื่อเครือข่ายมือถือและอินเทอร์เน็ตแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลก
นอกจาก “ถูก” แล้ว TransferWise ยังนำหน้าเรื่อง “ความเร็ว” ด้วย ในไตรมาสแรกของปี ลูกค้า 19% ได้รับเงินโอนภายใน 20 วินาที
นอกจากนี้ บริษัทยังสร้างบัญชีแบบ “ไร้พรมแดน” ขึ้นเพื่อให้ลูกค้าเคลื่อนย้ายเงินกว่า 40 สกุลได้สะดวกสบาย ความเจ๋งของ TransferWise ดึงดูดให้สถาบันการเงินต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารเก่าแก่อย่าง BPCE หรือฟินเทคมาแรงอย่าง Monzo ขอผนวกเอาบริการของ TransferWise เข้าในแอปพลิเคชั่นของตนด้วย
ที่สำคัญ TransferWise แตกต่างจากสตาร์ตอัพอื่นเพราะทำกำไรได้จริง มีนาคม ปี 2018 บริษัทรายงานว่ามีกำไรสุทธิ 8 ล้านเหรียญจากรายได้รวมราว 151 ล้านเหรียญ
“คาร์แมน” คิดว่าการคุมต้นทุนและนำเสนอบริการในราคาที่ถูกกว่าตลาดถึงสิบเท่า คือกุญแจแห่งความสำเร็จ ทำให้ TransferWise เป็นสตาร์ตอัพที่คืนทุนได้ใน 6 ปี และมีกำไรต่อเนื่องหลังจากนั้น
ล่าสุดยังลือให้แซดว่าบริษัทเตรียมระดมทุนรอบใหม่ที่อาจเพิ่มมูลค่าขึ้นไปถึง 3.75 พันล้านเหรียญ ซึ่งจากการระดมทุนที่ผ่านมาระดมทุนได้ถึง 397 ล้านเหรียญตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา
