ชิปป๊อป จับมือพันธมิตรโลจิสติกส์ เปิด COD Gateway เอาใจนักช็อปออนไลน์ถึง 65% ที่ชอบจ่ายเงินปลายทาง พร้อมสร้างความมั่นใจให้วงการอีคอมเมิร์ซหลังพบ 51% ผู้บริโภคกลัวโดนหลอก 8.2% โอนเงินออนไลน์ไม่ได้ พร้อมเผยเทรนด์โลจิสติกส์ไทย
นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิปป๊อป จำกัด ผู้ให้บริการด้านระบบโลจิสติกส์ครบวงจร SHIPPOP เปิดเผยว่า ได้จับมือกับพันธมิตรโลจิสติกส์ เปิดให้บริการระบบเก็บเงินปลายทาง (COD Gateway) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซไทยที่ผลักดันให้ธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตตามไปด้วย
- เรือสิงคโปร์ชนสะพานในสหรัฐ มีประวัติไม่ดีมาก่อน เรารู้อะไรแล้วบ้างตอนนี้ ?
- ราคาทองวันนี้ (29 มี.ค. 67) พุ่งกระฉูด 600 บาท ทองรูปพรรณบาทละ 39,050 บาท
- เลิกอุ้มดีเซล 30 บาท จ่อขยับเพดานราคา 2 บาท มีผล 1 เมษายน 2567
“จากข้อมูลของ สพธอ. (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์) พบว่า ผู้บริโภคกว่า 65% ที่ซื้อของออนไลน์ชอบชำระค่าสินค้าด้วยการจ่ายเงินปลายทาง และในบางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังมีสูงถึง 90%”
ชิปป๊อปจึงต่อยอดบริการด้วยการพัฒนาระบบ COD Gateway ที่รวบรวมบริการเก็บเงินปลายทางของผู้ให้บริการขนส่งให้ให้ผู้ใช้งานได้เปรียบเทียบราคาและพื้นที่การให้บริการ และเลือกใช้งานระบบทุกขนส่งได้ในที่เดียว ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ค้าออนไลน์ ด้วยการลดขั้นตอนการทำงานที่ยุ่งยาก ทั้งยังได้ใช้งานด้วยค่าบริการอัตราที่ถูกเป็นพิเศษ รองรับการใช้งานได้กับทุกบัญชีธนาคาร สามารถอัพเดตผ่านไฟล์ Excel ซึ่งจะช่วยในการจัดส่งปริมาณมากๆ ได้ง่ายขึ้น สามารถออกหมายเลขพัสดุ และสั่งพิมพ์ใบนำจ่ายในแต่ละการจัดส่งได้ทันที รวมถึงมีระบบอัพเดตการรายงานสถานะทางบัญชีของการเก็บเงินปลายทาง จึงสะดวกในการเช็คยอดและรอบการโอนเงินคืน ช่วยให้การบริหารสภาพคล่องของธุรกิจทำได้ง่ายขึ้น
“ชิปป๊อป มีพันธมิตรโลจิสติกส์ 15 ราย และ 10 รายมีบริการเก็บเงินปลายทาง ขณะนี้มีผู้เข้าร่วมในระบบ COD Gateway แล้ว 4 รายได้แก่ ไปรษณีย์ไทย แฟลช เอ็กซ์เพรส เอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส และซีเจ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) คาดว่าภายในสิ้นปีพันธมิตรทุกรายจะเชื่อมต่อกับ COD Gateway ของบริษัท”
สำหรับภาพรวมธุรกิจรับ-ส่งสินค้าในไทย พบว่า ปริมาณสินค้าที่ซื้อขายผ่านอีคอมเมิร์ซในปัจจุบันอยู่ที่ 3.5 – 4 แสนชิ้นต่อวัน มูลค่าธุรกิจรับส่งสินค้าในปี 2561 คาดว่ามีมูลค่ารวม 30,800 – 31,300 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 9.6% และปีนี้น่าจะเติบโตขึ้นอีก
โดยในปี 2568 การบริการแบบ Same-day Delivery จะเพิ่มขึ้นถึง 43% คิดเป็น 22% ของธุรกิจส่งพัสดุทั้งหมด ถือเป็นเทรนด์สำคัญของธุรกิจ นอกเหนือจากการที่ธุรกิจขนส่งจะเปิดให้บริการแบบ 24 ชั่วโมงและไม่มีวันหยุด
ขณะที่ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยตั้งแต่ปี 2561 -2565 คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 22%