แก้ปัญหาให้ตรงจุด
“ผศ.ดร.วรรณรัช สันติอมรทัต”ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์กายภาพ ม.อ.วิทยาเขตหาดใหญ่ กล่าวว่า โครงการนำร่องนี้จัดภายใต้แนวคิด “PSU Smart and Green Campus 2022 เพื่อสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และ Happy Workplace”
มีพันธกิจที่ครอบคลุม 4 ส่วนหลัก คือ วิทยาเขตที่ปลอดภัย (safe and secured campus), สังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแลยั่งยืน (green & sustainable), ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตกับ sharing economy และสังคมที่มีสุขภาพดี (healthy society) ซึ่งจะดำเนินการในเฟสที่ 2
“ม.อ.รับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับ 14 จังหวัดภาคใต้ ดังนั้น โครงการนี้จะเป็นโมเดลการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาเมือง เพื่อนำไปปรับใช้กับพื้นที่เขตความรับผิดชอบในแต่ละจังหวัด”
ในส่วนที่เริ่มใช้งานแล้ว ได้แก่ 1.smart living โดยตรวจการเข้าออกผ่านระบบ RFID long range บนบัตรของบุคลากรร่วมกับระบบกล้อง พร้อมจับป้ายทะเบียน ลักษณะรถ เพื่อติดตามและเฝ้าระวังรถต้องสงสัยแบบ real time โดยเชื่อมต่อข้อมูลกับกรมตำรวจเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่บุคลากรและนักศึกษา
2.smart energy ที่มีเสาไฟอัจฉริยะ สามารถเปิด-ปิดอัตโนมัติ หรี่ไฟเมื่อไม่มีการใช้งาน มีเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว, ระดับความเข้มแสง รวมถึงทราบข้อมูลการใช้พลังงานจากส่วนกลางได้ รวมทั้งเปลี่ยนรถโดยสารสาธารณะเป็น EV หรือรถพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด
3.smart environment โดยติดตั้งระบบวัดคุณภาพอากาศบนเสาไฟอัจฉริยะ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ความชื้น ทิศทางลม รวมทั้งติดตั้งตัวกระจาย WiFi, signage, camera, EV charger and emergency button 4.smart mobility มีระบบ smart transportation ที่สามารถแสดงตำแหน่งของรถโดยสาร EV แบบเรียลไทม์ และมีเซ็นเซอร์และระบบเพื่อแสดงจุดจอดรถที่ยังว่างในวิทยาเขต 5.smart economy โดยทำต้นแบบสมาร์ทฟาร์ม โดยใช้เทคโนโลยีช่วยในการคำนวณความหวาน ขนาด และระยะเวลาการปลูก ให้พอดีกับความต้องการ โดยสามารถประยุกต์ได้กับพืชทุกชนิด และระบบกระจายข้อมูลสื่อสารผ่าน digital content ไปยังตู้ digital signage ที่สามารถควบคุมและสั่งการได้แบบเรียลไทม์ และเชื่อมโยงเข้าสู่ IOT platform
นอกจากนี้ กำลังสร้าง “learning space” เพื่อรวบรวมและบริการเครื่องมือการเรียนรู้ที่ทันสมัยร่วมกับผู้ให้บริการเทคโนโลยีและเครือข่ายอินเทอร์เน็ตระดับโลก เพื่อผลิต “smart people” และปัจจุบันทางมหา”ลัยร่วมมือกับเทศบาลนครหาดใหญ่ติดตั้งระบบเฝ้าระวังลุ่มน้ำและแก้มลิงโดยรอบเมืองและภายในเทศบาลเพื่อใช้เตือนภัยในฤดูฝน
“สมาร์ทซิตี้แต่ละประเทศแตกต่างกัน เพราะทุกประเทศมีปัญหาไม่เหมือนกัน ดังนั้น เราไม่ต้องไปทำตามใคร แต่เราต้องออกแบบเพื่อให้เหมาะกับคนและแก้ปัญหาที่มี”
Big Data ต่อยอดความสมาร์ท
ภายใน ม.อ.มี “smart utility” เป็นศูนย์บัญชาการและควบคุมกลาง Intelligent Operating Centre (IOC) โดยเชื่อมข้อมูลที่ได้ทั้งหมดเข้าสู่การติดตาม สั่งการ โดยมี AI คอยทำงานอัตโนมัติและมีผู้ดูแลคอยมอนิเตอร์อีกที นอกจากนี้ จัดทำ “city data platform”
เป็นการสร้าง “data adapter” เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลจากหน่วยงานและฝ่ายต่าง ๆ ทำให้สามารถเชื่อมข้อมูลในระบบเดิมและระบบใหม่เข้าด้วยกัน และรองรับการวิเคราะห์ ประมวลผลสำหรับเมืองในอนาคต เช่น วางผังเมือง การวางแผนบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ของเมือง เป็นต้น
“เราต่อยอดกล้องวงจรปิด นอกจากเช็กข้อมูลทะเบียนจากฐานข้อมูลกรมตำรวจแล้ว ยังใช้เอไอในการวิเคราะห์ความเคลื่อนไหวเพื่อดูพฤติกรรมเสี่ยง หรือใช้ระบุอัตลักษณ์ของบุคคลต้องสงสัยได้ ดังนั้น เทคโนโลยีที่มีสามารถนำมาต่อยอดได้อีกมาก”
ดึงสตาร์ตอัพร่วมพัฒนาชุมชน
อย่างไรก็ตาม ปัญหาใหญ่ในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ คือ บุคลากรที่ไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีพาร์ตเนอร์เข้ามาช่วย แต่ยังจำเป็นต้องพัฒนาคนในท้องถิ่น เพราะที่ผ่านมาดีเวลอปเปอร์ส่วนใหญ่ไปทำงานในกรุงเทพฯหรือออกต่างประเทศหมด อีกโครงการที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมาก คือ research market platform โดยร่วมกับสตาร์ตอัพในพื้นที่พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถช่วยให้เกิดการ matching ระหว่างนักประดิษฐ์กับเอกชนหรือภาคอุตสาหกรรมที่แสวงหานวัตกรรมในประเทศ เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ให้นักประดิษฐ์ในพื้นที่
สร้างคนต่อเนื่อง
นายวัตสัน ถิรภัทรพงศ์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทยของซิสโก้ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Coinnovation ของซิสโก้ในการร่วมพัฒนาโซลูชั่นที่มีความหมายและสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนจากความร่วมมือของภาครัฐกับเอกชน และหลังจากนี้มีโครงการที่จะทำต่อเนื่อง เช่น Cisco Network Academy ให้ความรู้เบื้องต้น
ด้านไอโอที และความรู้เฉพาะทางด้านเน็ตเวิร์กจากนักพัฒนาซอฟต์แวร์ (DevNet) โดยจะมีการจัดอบรม แบ่งปันความรู้และทักษะให้กับบุคลากรของ ม.อ.เพื่อรองรับความต้องการของโลกดิจิทัลในอนาคต
ปั้นรายได้เพื่อยั่งยืน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิวัติ แก้วประดับ อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า แม้ว่าทางมหาวิทยาลัยจะมีงบฯจากภาครัฐ แต่เพื่อความต่อเนื่องและยั่งยืน อาจไม่สามารถ
ใช้เพียงงบฯที่ได้มา ดังนั้น ทางมหาวิทยาลัยมีแผนที่จะต่อยอดจากโครงการต้นแบบ ซึ่งตอนนี้โครงการสมาร์ทฟาร์มเป็นหนึ่งในโครงการที่มีผู้สนใจ และหลังจากโครงการนำร่องมีความแข็งแรง ทางมหาวิทยาลัยจะขยายผลสู่การทำสมาร์ทซิตี้ในหาดใหญ่และอำเภอสะเดาที่เป็นพื้นที่ติดประเทศมาเลเซีย