ค้าขายออนไลน์ จากนี้ไปต้องทำอะไรบ้าง

คอลัมน์ Pawoot.com
โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

นอกจากต้องเตรียมตัวรับมือกับภาษีอีคอมเมิร์ซในปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นความโกลาหลกันอย่างแน่นอน เพราะยังเป็นของใหม่สำหรับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

โดยขั้นตอนคือสถาบันการเงินจะรวบรวมจำนวนเงินการโอนทั้งเข้าและออกในบัญชี หรือจำนวนครั้งต่อหนึ่งธนาคาร ฯลฯ นำส่งแก่กรมสรรพากรตามกฎหมาย ที่จะเกิดขึ้นคือน่าจะมีคนทั้งแบบโวยวายแล้วไปปรับตัวทำให้ถูกต้อง เปิดเป็นบริษัทซะให้สิ้นเรื่อง กับที่โวยวายแล้วหลบเลี่ยงหรือเลิกไปเลย

หากมองในแง่ดีจะได้มีการเริ่มวางแผนการจัดการภาษีที่เป็นระบบอย่างถูกต้อง เพราะหลายคนเองก็อยากจะทำให้มันดี ยิ่งทุกวันนี้มีเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเหลือในการทำบัญชีมากมายเต็มไปหมด คนทำธุรกิจในมุมออนไลน์จากนี้ถึงสิ้นปีควรต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไร

1.พึ่งแพลตฟอร์มเดียวไม่ได้ ข้อมูลจาก ETDA การซื้อขายอีคอมเมิร์ซไปกระจุกตัวอยู่ที่โซเชียลมีเดียถึง 40% อยู่ที่มาร์เก็ตเพลซ 30% และส่วนที่เหลืออยู่ในเว็บไซต์ของตน

ที่ผ่านมาบางมาร์เก็ตเพลซเริ่มมีการเก็บค่าคอมมิสชั่นแล้ว จากที่เมื่อก่อนไม่มีการเก็บเงินค่าใช้จ่ายใด ๆ ที่เห็นคือ Shopee มีการเก็บค่าคอมมิสชั่นแล้ว สำหรับ Lazada เท่าที่ได้คุยมานั้น ในฝั่งมาร์เก็ตเพลซยังไม่มีนโยบายเก็บค่าคอมมิสชั่นเพราะรูปแบบที่เป็นต้นแบบในจีนคือ Taobao ทุกอย่างยังขายฟรี ไม่เก็บค่าคอมมิสชั่น

แต่สำหรับ LazMall ซึ่งเป็นช็อปปิ้งมอลล์ หรือต้นแบบในเมืองจีนคือ Tmall มีการเก็บค่าคอมมิสชั่น เพราะแบรนด์ต่าง ๆ สามารถจ่ายค่าคอมมิสชั่นได้อยู่แล้ว สมัยก่อนแบรนด์ยังต้องจ่ายค่าคอมมิสชั่นหรือค่าวางสินค้าตามดีพาร์ตเมนต์สโตร์อย่างต่ำก็ 25-40% แต่เมื่อมาอยู่ในออนไลน์ที่มีค่า fee ที่ต่ำกว่ามากทำให้แบรนด์มีต้นทุนที่ต่ำลงกว่าเดิม

การขายในมาร์เก็ตเพลซของผู้ประกอบการขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่ไม่มีการเก็บคอมมิสชั่นตามโมเดล C2C ก็เพราะรายได้ของเขาจะมาจากการโฆษณาเป็นหลัก Lazada ประเทศไทยน่าจะกำลังทำในลักษณะเช่นเดียวกับ Taobao จะเห็นได้ชัดว่าในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

แม้แต่การขายในโซเชียลคอมเมิร์ซก็เปลี่ยนแปลงมากเช่นกัน จากที่คิดว่าการไลฟ์ขายของในเฟซบุ๊กจะเข้าถึงคนได้มาก แต่กลับเป็นว่ามีอัตราการเข้าถึงคนต่ำลง นี่แหละครับความน่ากลัวของการพึ่งแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่งมากเกินไป

2.ต้องเริ่มบาลานซ์พอร์ต ต้องวางสัดส่วนว่าจะไปช่องทางใดบ้าง แค่ช่องทางใดช่องทางหนึ่งไม่ได้อีกแล้ว หากเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นมาเราไม่สามารถควบคุมได้เองทั้งหมด เป็นอันตรายต่อธุรกิจ มีความเสี่ยงสูง รายได้อาจลดลงทันที

จากนี้ไปควรต้องมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าเป็นของตัวเองโดยไม่พึ่งจากแพลตฟอร์มอื่น และต้องมีการทำการตลาดกับลูกค้าของเราเองโดยไม่ผ่านมาร์เก็ตเพลซหรือโซเชียลมีเดีย การมีช่องทางของตัวเอง มีข้อมูลของตัวเองคือการสร้างความมั่นคงและปลอดภัยให้กับธุรกิจของคุณ เพราะคุณจะเป็นคนที่บริหารจัดการได้เองทั้งหมดจริง ๆ


ต้องเริ่มแล้วครับ ทั้งหมดที่กล่าวมา การเริ่มต้นอาจไม่ง่ายแต่เป็นเรื่องที่ท้าทายความสามารถของคุณ ถ้าเริ่มเร็วคุณก็จะรอดเร็วด้วยเช่นกัน