หูฟังโตตามมิวสิกสตรีมมิ่ง “Skullcandy”ร่วมวงชิงเค้ก

ภาพจากเพจ Skullcandy Thailand

“เมนทาแกรม” รุกทำตลาดหูฟัง ดึง Skullcandy บุกไทย เกาะเทรนด์ “มิวสิกสตรีมมิ่ง” ตั้งเป้าโกยแชร์ 3% พร้อมดึง 2 แบรนด์ใหม่เสริมพอร์ตดันรายได้รวมทะลุพันล้านบาท

นายชนภัฏ จาตุรงคกุล กรรมการและผู้บริหารด้านการออกแบบพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัท เมนทาแกรม จำกัด ผู้นำเข้าสินค้าและจัดจำหน่ายแก็ดเจตและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ กล่าวว่า บริษัทเห็นการเติบโตของตลาดมือถือที่มีการจดทะเบียนซิมมากถึง 90 ล้านซิม และความนิยมในการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ทั้ง 70% ยังฟังเพลงและรับชมวิดีโอผ่านมือถือ รวมเข้ากับการเข้ามาเปิดตัวของแอปพลิเคชั่นด้านความบันเทิงต่าง ๆ ในไทย เช่น แอปพลิเคชั่นมิวสิกสตรีมมิ่ง Spotify ซึ่งปัจจุบันมูลค่าธุรกิจเพลงและวิดีโอสตรีมมิ่งสูงถึง 700 ล้านบาท

ขณะที่ตลาดหูฟังในไทยในปีที่ผ่านมามีมูลค่า 400 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตถึง 500 ล้านบาท ในปีนี้ และตลาดทั่วโลกจะมีการผลิตและจัดส่งอุปกรณ์หูฟังแบบฝังในหูกว่า 250 ล้านชิ้นในปี 2022 คาดว่าจะมีการเติบโตในแง่รายได้ 7.8% ต่อปี ทำให้บริษัทนำเข้าหูฟังแบรนด์ “Skullcandy” ของอเมริกามาทำตลาดในไทย

กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเน้นกลุ่มวัยรุ่น, คนทำงานรุ่นใหม่ และกลุ่มผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย และเตรียมจัดโรดโชว์กับศิลปิน และดีเจ. มีงบประมาณการตลาด 10% ของยอดขาย โดยในปีนี้ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 15 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งตลาด 3% และในกลางปีหน้าจะนำหูฟังเข้ามาทำตลาดเพิ่มอีก 2 แบรนด์ รวมถึงหูฟังสำหรับเกมของ Skullcandy เพื่อเจาะตลาดเกมเมอร์

“เป้ารายได้จากกลุ่มหูฟังคิดเป็น 30% ของรายได้รวม ตอนนี้ตลาดหูฟังมีสินค้าเยอะมาก แข่งขันดุเดือด แต่ Skullcandy มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ราคา 2,900-7,500 บาท เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นซื้อหูฟัง คุณภาพน่าจะสู้กับแบรนด์ชั้นนำได้”

นายชนภัฏกล่าวต่อว่า สินค้าที่บริษัททำตลาดปัจจุบันมี 15-20 แบรนด์ ได้แก่ กล้องโกโปร (Gopro) อุปกรณ์เสริมกล้อง, จักรยาน, เครื่องฟอกอากาศ แต่รายได้หลักมาจากกล้องโกโปร ซึ่งมียอดขายกว่า 20,000 ชิ้น มีร้านจำหน่าย 200 แห่งทั่วประเทศ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปีนี้ไว้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่ผ่านมาที่ทำได้ 600 ล้านบาท แม้สภาพเศรษฐกิจจะทำให้ขายยากขึ้นบ้าง แต่ภาพรวมตลาดมือถือยังเติบโต ทำให้สินค้าหลายตัวที่บริษัททำตลาดโตไปพร้อมกันได้ แต่สิ่งที่กังวลคือ สินค้าหิ้ว และของปลอม

“กลยุทธ์ที่ทำให้บริษัทแข็งแรงคือ บริการหลังการขายที่มีการการันตี 2 ปี หรือเมื่อมีปัญหาก็จะเปลี่ยนชิ้นใหม่ แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสินค้าแต่ละรุ่นด้วย”

สำหรับหูฟัง Skullcandy มี 4 รุ่น แบ่งเป็นแนวไลฟ์สไตล์ 2 รุ่น และแนวสปอร์ต 2 รุ่น ได้แก่ Crusher Wireless มีจุดเด่นที่ี Stereo Haptic Bass ใช้งานได้นานกว่า 40 ชั่วโมง และรุ่น Grind Wireless ส่วนแนวสปอร์ตจะมีสองรุ่นแยกสำหรับผู้ชายและผู้หญิง ได้แก่ รุ่น XTfree และ Method Wireless