“เสียวหมี่” เผยกำไรไตรมาส 2 พุ่ง 71.7% ชี้โตทุกเซกเมนต์

เสียวหมี่เผยผลประกอบการครึ่งปีแรกปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 95,710 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 20.2% เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรรวม 12,470 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 25.3% เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรสุทธิ 5,150 ล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 5,720 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 49.8% เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.214 หยวน

ในส่วนข้อมูลทางการเงินที่น่าสนใจสำหรับไตรมาสที่ 2 ปี 2562 รายได้รวมอยู่ที่ 51,951 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรรวม 7,260 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 28.4% เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรสุทธิ 1,960 ล้านหยวน กำไรหลังการปรับปรุงที่ไม่เป็นไปตาม IFRS อยู่ที่ 3,640 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 71.7% เมื่อเทียบปีต่อปี กำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.082 หยวน

นายเหลย จวิน ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอของ เสียวหมี่ กล่าวว่า ในครึ่งแรกของปี 2562 รายได้รวมของเสียวหมี่ ในเซกเมนต์ตลาดสมาร์ทโฟนอยู่ที่ราว ๆ 5.9 พันล้านหยวน ในขณะที่ไตรมาสที่สองเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ 32 พันล้านหยวน โดยยอดกำไรสุทธิเติบโต 3.3% ในไตรมาสแรก และเติบโต 8.1% ในไตรมาสสอง ในขณะที่ราคาขายเฉลี่ย (ASP) ของสมาร์ทโฟนในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และในตลาดต่างประเทศก็ประสบความสำเร็จโตทะลุเป้า ที่ 13.3% และ 6.7% ตามลำดับ โดยสมาร์ทโฟน ราคาสูงกว่า 2,000 หยวน คิดเป็น 32.3% ของรายได้ทั้งหมดในกลุ่มผลิตภัณฑ์สมาร์ทโฟน

ธุรกิจ AIoT เติบโตอย่างรวดเร็วต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวดเครื่องใช้ขนาดใหญ่ภายในครัวเรือน ภายในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2562 รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์พุ่งขึ้นสูงถึง 49.3% อยู่ที่ 27 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่รายได้ในไตรมาสที่สองของปี 2562 จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เดียวกันเพิ่มขึ้นถึง 44% คิดเป็น 14.9 พันล้านหยวน เมื่อเทียบปีต่อปี นอกจากนี้แล้วรายได้รวมของกลุ่มผลิตภัณฑ์ IoT และไลฟ์สไตล์ในไตรมาสสอง ของปีนี้ยังคิดเป็น 28.8% ของรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 22.9%

“เนื่องจากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของเสียวหมี่ ทำให้ธุรกิจของเราเติบโตอย่างเห็นได้ชัด ตั้งแต่ผลกำไรสูงเหนือความคาดหมาย และเป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและระยะเวลาในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่อยู่ในการจัดอันดับ Fortune Global 500 ประจำปี 2562 ด้วย แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายด้านเศรษฐกิจโลกก็ตาม ซึ่งผลการดำเนินงานที่น่าประทับใจดังกล่าว เป็นผลสำเร็จมาจากการพัฒนาสมาร์ทโฟนที่เชื่อมต่อกับ AIoT (Artificial Intelligence of Things) ที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงโมเดลธุรกิจที่แข็งแรงของเสียวหมี่ ซึ่งเราสัญญาว่าจะเดินหน้าผลักดันงานวิจัยและการลงทุนในการตอบสนองต่อตลาดที่เติบโตของ 5G และ AIoT เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวที่บริษัทตั้งไว้”