“แกร็บ”เพิ่มบริการ-สิทธิประโยชน์ดึงลูกค้าใช้งานซ้ำ

“แกร็บ” เร่งเกมขยายตลาด เปิด “แกร็บคาร์ พลัส” รองรับลูกค้าพรีเมี่ยม พร้อมขยายบริการ “จัสท์แกร็บ” ในกรุงเทพฯ และเพิ่มแม่เหล็กมัดใจลูกค้าใช้บริการต่อเนื่องด้วยโปรแกรมสะสมแต้มแลกสารพัดสิทธิประโยชน์ มั่นใจยอดใช้งานโตทะลุ 100% 

นายยี วี แตง ผู้อำนวยการ บริษัท แกร็บ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดไทยโตเร็วมาก ครึ่งปีที่ผ่านมามียอดใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 100% คาดว่าในครึ่งปีหลังยังโตในระดับเดิม เนื่องจากช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้บริโภค และจากการสำรวจของบริษัทวิจัยทีเอ็นเอส ระบุว่า คนไทย 2 ใน 3 ที่ใช้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น เรียกใช้ “แกร็บ” มากกว่าบริการประเภทอื่น

โดยผู้โดยสาร 66% ใช้แกร็บ 19% ใช้แอปฯอื่น และ 16% ใช้บริการแอปฯของผู้ให้บริการแท็กซี่โดยตรง รวมทั้งแอปฯเรียกรถมอเตอร์ไซค์ต่าง ๆ ส่วนผู้ขับขี่ในเครือข่าย “แกร็บ” ปีที่ผ่านมา โตขึ้น 226% และยังโตต่อเนื่อง

“เรามีสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้ เก็บข้อมูลจากคอลเซ็นเตอร์มาวิเคราะห์เพื่อสร้างบริการใหม่ ๆ จะเห็นว่าในไทยมีบริการที่ไม่มีในประเทศไหน เช่น แกร็บรถแดง ที่เชียงใหม่”

ล่าสุด เปิดบริการใหม่ “แกร็บคาร์ พลัส” บริการพรีเมี่ยมที่ผู้ขับขี่อยู่ในกลุ่มที่ได้คะแนนระดับ 4.8 ดาวขึ้นไป (เต็ม 5 ดาว ) และรถจะอายุไม่เกิน 5 ปีค่าโดยสารจะสูงกว่าปกติไม่เกิน 50% โดยทดลองให้บริการใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น และยังขยายบริการ “จัสต์แกร็บ” โดยรวม “แกร็บแท็กซี่” และ “แกร็บคาร์” ในกรุงเทพฯ หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดให้บริการในต่างจังหวัด เช่น ที่นครราชสีมา, อุดรธานี, อุบลราชธานี และขอนแก่น

นอกจากนี้ ยังเปิดตัว “แกร็บรีวอร์ดส” โปรแกรมสะสมคะแนน และให้สิทธิพิเศษที่มากขึ้น ปัจจุบันมีพันธมิตรทั่วอาเซียนกว่า 150 ราย ครอบคลุมการท่องเที่ยว, ร้านอาหาร, ผลิตภัณฑ์ และไลฟ์สไตล์ อาทิ เซ็นทรัล, ไอฟลิกซ์, แมคโดนัลด์ และนกแอร์ ล่าสุดร่วมกับ “สปอติฟาย” (Spotify) ผู้ให้บริการมิวสิกสตรีมมิ่ง (10 บาท เท่ากับ 1 คะแนน) ซึ่งแต่ละรูปแบบอาจมีการให้คะแนนไม่เท่ากัน เช่น ใช้ผ่านแกร็บเพย์ (Grab Pay) จะได้คะแนนคูณ 2 เป็นต้น

ผู้บริหารแกร็บกล่าวต่อว่า ปัจจัยที่ท้าทายการทำธุรกิจในไทยยังเป็นเรื่องของการจราจรที่ติดขัด และคนขับยังไม่มีความรู้ในการใช้สมาร์ทโฟนและแอปพลิเคชั่น รวมถึงไม่มีบัญชีธนาคาร และปัญหาด้านกฎหมาย โดยที่ผ่านมา แกร็บหารือกับผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงหน่วยงานภาครัฐมาโดยตลอด

ปัจจุบันแกร็บทำตลาดในไทยมาแล้ว 4 ปี และเป็นที่ 1 ในอาเซียน มีส่วนแบ่งการตลาดแอปพลิเคชั่นเรียกรถแท็กซี่ 95% ในแอปพลิเคชั่นเรียกรถยนต์ส่วนบุคคล 71% มียอดดาวน์โหลด 59 ล้านครั้ง ใน 7 ประเทศ 109 เมือง ทั้งให้ความสำคัญกับความปลอดภัยด้วยประกันภัยครอบคลุมในอาเซียน มูลค่า 5,000 เหรียญสหรัฐ กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต