มาในจังหวะที่ “หัวเว่ย” ต้องรับมือกับสารพัดเรื่องร้อน ๆ สำหรับ “เติ้ง เฟิง” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี ประเทศไทย คนล่าสุดที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนี้เมื่อกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา
และในช่วงไม่ถึงเดือนที่เข้ารับตำแหน่งก็เดินหน้าจับมือกับพาร์ตเนอร์ในไทยอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นความร่วมมือกับ “ดีป้า” สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล ในการพัฒนาสมาร์ทซิตี้ ด้วยการจัดทำรายงานเชิงลึก “Smart City Framework and Guidance for Thailand” แผนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในจังหวัดภูเก็ต 2019 ซึ่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ของหัวเว่ย ระบุว่า พร้อมสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมในทุกระดับ ประเทศไทยที่กำลังจะเป็นประเทศแรก ๆ ในภูมิภาคที่พัฒนาแผนเมืองอัจฉริยะ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- KNLA ถอนกำลังจากเมียวดี ไปโจมตีทหารเมียนมากองพล 55 ผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งกลับแล้ว
ทั้งยังจับมือกับ “เอไอเอส” ลงนาม MOU ร่วมศึกษาวิจัย แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ พร้อมร่วมทดลอง ทดสอบเทคโนโลยีเกี่ยวกับ 5G แต่การที่หลายประเทศมีคำสั่งห้ามใช้อุปกรณ์ “หัวเว่ย” ในโครงข่าย 5G จึงเกิดคำถามว่า แล้วการเข้ามามีส่วนร่วมใน 5G และสมาร์ทซิตี้ในไทย จำเป็นต้องถูกจับตาเป็นพิเศษหรือไม่นั้น
“เติ้ง เฟิง” ย้ำชัดว่า นับตั้งแต่ “หัวเว่ย” ก่อตั้งในปี 2530 ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยปรากฏว่าอุปกรณ์ของหัวเว่ยมีปัญหาหรือมีความบกพร่องด้านความปลอดภัยของข้อมูล ทั้งหัวเว่ยยังได้ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติสากลรวมถึงกฎหมายด้านความปลอดภัยของข้อมูลในแต่ละประเทศด้วย
“ในประเทศไทยก็มี พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแล้ว หัวเว่ยในฐานะผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจในไทยกว่า 20 ปี ก็พร้อมจะปฏิบัติตามทุกประการ”
ทั้งยืนยันว่าจะเดินหน้าลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจากได้เปิด headquarter เปิด open lab ในกรุงเทพฯรวมถึงหัวเว่ยเป็นบริษัทแรกที่สร้าง test lab 5G ในพื้นที่ EEC
“หัวเว่ยมีแผนที่จะลงทุนบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่จะสนับสนุนด้าน IOT รวมถึงการสร้างระบบนิเวศ อาทิ การลงทุนในโครงการพัฒนาบุคลากร ซึ่งการลงทุนในอนาคตจะต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจที่ต้องการจะเติบโตคู่ไปกับผู้ประกอบการไทย ทั้งจะพยายามหาเคสต่าง ๆ ที่หัวเว่ยประสบความสำเร็จในต่างประเทศแล้ว มาให้บริการในไทย”
โดยภารกิจแรก ๆ ที่ตั้งใจจะทำคือ การพัฒนาบุคลากรด้านไอซีทีของไทย โดยใช้เทคโนโลยีและบริการของหัวเว่ยที่มีอยู่แล้ว เพื่อช่วยสร้างสรรค์สังคมดิจิทัลของประเทศไทย