Black Shark “เกม” เซ็กเมนต์ใหม่ “สมาร์ทโฟน”

Fortune.com เผยข้อมูลว่า อุตสาหกรรมอีสปอร์ตทั่วโลกปีนี้จะมีมูลค่าแตะหลัก 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จึงไม่น่าแปลกที่ธุรกิจไอทีจะหันมาจับตลาดเกมกันมากขึ้น มีการแตกแบรนด์เพื่อทำตลาดโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น predator จาก Acer, Legion จาก Lenovo, Alienwere จาก Dell
wv:umy

ขณะที่ “โมบายเกม” ก็เป็นอีกแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมเติบโต ทั้งยังทำให้ฐานผู้เล่นขยายตัวรวดเร็วจนเริ่มเห็นหลายแบรนด์สมาร์ทโฟนเปิดตัวรุ่นเพื่อรองรับการเล่นเกมโดยเฉพาะ

เซ็กเมนต์ใหม่ตลาดพรีเมี่ยม

“เดวิด ลี” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Black Shark Global ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนสำหรับโมบายเกมภายใต้แบรนด์ “Black Shark” เปิดเผยว่า ตลาดสมาร์ทโฟนเกมมิ่งเกิดมาได้ประมาณ 1 ปี ซึ่งนอกจาก “แบล็กชาร์ก” (Black Shark) แล้ว ยังมีแบรนด์คอมพิวเตอร์รายใหญ่อย่าง “เอซุส” (Asus) ก็เปิดตัวแบรนด์สมาร์ทโฟนเกมมิ่งอย่าง “ROG” แม้แต่ “เรเซอร์” (RAZR) ผู้ผลิตอุปกรณ์เกม ก็หันมาจับตลาดสมาร์ทโฟนเช่นกัน

โดยปีแรก Black Shark มียอดขายถึง 850,000 เครื่องในจีน และ “Black Shark 2” ขายได้เกิน 1 ล้านเครื่องในตลาดอาเซียน ทั้งยังเป็นเบอร์ 1 ของ “สมาร์ทโฟนเกมมิ่ง” ในมาเลเซีย

“ภาพรวมทั่วโลกไม่ได้มีการเก็บตัวเลขชัดเจนว่ามีจำนวนและการเติบโตของสมาร์ทโฟนเกมมิ่งมีมากน้อยแค่ไหน เพราะเป็นตลาดเกิดใหม่แค่ 1 ปี อีกทั้งตลาดฝั่งยุโรปไม่มีการแยกเซ็กเมนต์แบบฝั่งเอเชียที่นิยมเล่นเกมโมบายมากกว่า”

แต่สมาร์ทโฟนเกมมิ่งคงจะยังไม่ผลักดันตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกให้มาคึกคักเหมือนที่ตลาดไอทีมีโน้ตบุ๊กพีซีเกมมิ่ง แต่ในอนาคตมีความเป็นไปได้ที่สมาร์ทโฟนเกมมิ่งจะถูกแยกเซ็กเมนต์ออกมาจากตลาดสมาร์ทโฟนทั่วไป

รวมทั้งแบรนด์ต่าง ๆ อาจจะทำรุ่นสำหรับเกมมิ่งออกมาแข่งขันในตลาดได้ แต่ Black Shark ไม่กังวลกับการแข่งขันทั้งในปัจจุบันและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะมีนวัตกรรมที่เหนือกว่าคู่แข่งทุกรายในตลาด

“เราเพิ่งเปิดตัว Black Shark 2 pro ที่นอกจากความแรงด้วยชิปเซต Snapdragon 855+ ระบบระบายความร้อนยังถูกอัพเกรดเป็น Liquid Cooling 3.0ลดความร้อนได้สูงสุด 14 องศา หน้าจอปรับให้มี latency ต่ำที่สุดในโลก ช่วยให้มีความเร็วในการตอบสนองเพียง 34.7 มิลลิวินาที มีอัตราความแม่นยำของการสัมผัสหน้าจอต่ำเพียง 0.3 มม.”

เทรนด์ใหม่ที่มาพร้อม 5G

5G จะเป็นเทคโนโลยีที่เข้ามาปลดล็อกข้อจำกัดในการเชื่อมต่อ ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงเกมได้ทุกที่ทุกเวลาผ่าอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ที่ไม่ได้จำกัดแค่สมาร์ทโฟนอีกต่อไป

เทรนด์ “cloud gaming” หรือการเล่นเกมผ่านคลาวด์จะเริ่มเห็นชัดเจนมากขึ้น เพราะผู้บริโภคมีแนวโน้มเล่นเกมเดียวกันบนหลาย ๆ แพลตฟอร์ม (cross platform) cloud gaming จะทำให้ผู้เล่นเล่นเกมได้ผ่านอินเทอร์เน็ตโดยใช้อุปกรณ์ที่แตกต่างกันได้ สิ่งที่สำคัญจากนี้จะเป็นการเชื่อมต่อ และอุปกรณ์เล่นเกมต่าง ๆ

“คลาวด์เกมมิ่งอาจไม่ใช่เรื่องใหม่มาก อย่างไมโครซอฟท์ผู้ผลิต Xbox มีการจับมือกับโซนี่ผู้ผลิต play station ในการพัฒนาคลาวด์เกมมิ่ง จะเห็นว่าตอนนี้ผู้ผลิตเกมกำลังเตรียมตัวพัฒนารับเทรนด์ดังกล่าว”

รุกหนักตลาดเอเชีย

บริษัทให้ความสำคัญกับตลาดเอเชียอย่างจีน ญี่ปุ่น และอาเซียนก่อน เพราะเป็นประเทศที่มีโอกาสเติบโตสูง โดยจะเริ่มจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลักก่อน ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรอีคอมเมิร์ซในแต่ละประเทศ เช่น ลาซาด้า, ช้อปปี้ ส่วนอนาคตอาจมีการลงทุนเปิดหน้าร้าน หรือเข้าไปร่วมกับโอเปอเรเตอร์ในการทำตลาดร่วมกัน

ขณะที่ไทยถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ Black Shark ให้ความสำคัญ โดยหลังจากทดลองสำรวจตลาดมา 3 เดือน พบว่าผู้บริโภคชาวไทยมีกำลังซื้อที่ดีและชอบเล่นเกม จึงมีโอกาสที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง ในระหว่างนี้ สินค้าของ Black Shark ในไทยได้เปิดให้จองแล้วผ่านลาซาด้า และช้อปปี้ โดย Black Shark 2 Pro จะเริ่มขาย 9 ก.ย. นี้ ผ่านบริษัท แมค โมเดิร์น ดิสทริบิวชั่น

“เรามีแผนทำการตลาดโดยการเป็นพาร์ตเนอร์กับทีมอีสปอร์ต รวมทั้งเป็นสปอนเซอร์ในการจัดแข่งขัน เช่น Honkai ในภูมิภาคอาเซียน รวมถึงการประกาศความร่วมมือกับผู้พัฒนาเกมอย่าง miHoYo โดยก่อนหน้านี้ได้เป็นพันธมิตรกับ Next Studio จากค่ายเทนเซ็นต์ และ Gameloft”

ย้ำ ! ไม่ใช่แบรนด์ลูก Xiaomi

รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Black Shark ย้ำชัด ๆ ว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิดว่า Black Shark เป็นแบรนด์ลูกของเสี่ยวหมี่ แต่จริง ๆ แล้ว Black Shark เป็นสตาร์ตอัพที่ได้เสี่ยวหมี่และนักลงทุนอีกหลายรายเข้ามาร่วมลงทุน

“ช่วงแรก Black Shark ยังจำหน่ายในร้านของ Mi Store จึงทำให้ผู้บริโภคหลายคนจึงเข้าใจผิด แต่ Black Shark และเสี่ยวหมี่แยกส่วนทั้งทีมการผลิต ทีมงานวิจัยและพัฒนา การทำตลาด การสร้างแบรนด์ แต่มีความร่วมมือกับเสี่ยวหมี่ในลักษณะเป็นพันธมิตร”