รวม “ทีโอที-แคท” “ผู้บริหาร-พนง.” พร้อม !

ผ่านมา 2 สัปดาห์แล้ว นับแต่ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ขีดเส้นตายว่า จะเร่งทบทวนแผนควบรวม บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม (แคท) ให้เป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (เอ็นที เทเลคอม) ให้เสร็จภายใน 45 วัน เพื่อเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายในกลางเดือน ต.ค.นี้

โดยจะมีการหารือร่วมระหว่างผู้บริหาร และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจของทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้ได้ข้อสรุปใน 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.แผนบริหารจัดการบุคลากร 2.สินทรัพย์และหนี้สิน และ 3.สัญญา และสัมปทานต่าง ๆ เพื่อให้มีความชัดเจนและไม่เกิดผลกระทบ

แต่ล่าสุดทั้ง “มนต์ชัย หนูสง” กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีโอที และ “สังวรณ์ พุ่มเทียน” ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ แคท เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ตรงกันว่ารัฐมนตรีดีอียังไม่ได้มีการเรียกประชุมหารือใด ๆ

โดย “มนต์ชัย หนูสง” ซีอีโอกล่าวว่า ข้อกังวลที่รัฐมนตรีดีอีต้องการให้มีความชัดเจนในการจัดการทรัพย์สิน บุคลากร และแผนธุรกิจต่าง ๆ ก่อนเสนอเข้า ครม.นั้น มีข้อยุติภายในคณะทำงานร่วมเพื่อการควบรวม 2 บริษัท ซึ่งมีปลัดกระทรวงดิจิทัลฯเป็นประธาน ก่อนหน้านี้แล้วว่า จะมีการจ้างที่ปรึกษาขึ้นมา 3 ชุด เพื่อทำแผนใน 3 เรื่องดังกล่าวให้ชัดเจนมากขึ้น หลัง ครม.อนุมัติ

“คณะทำงานต้องการให้มืออาชีพที่เป็นคนนอกมาประเมินและวิเคราะห์ให้ชัดเจน ซึ่งกระบวนการจะเริ่มเมื่อ ครม.อนุมัติให้ควบรวมแล้ว โดยทั้งทีโอทีและแคทจะหารค่าใช้จ่ายกัน แต่ที่เสนอเข้าที่ประชุม คนร. (คณะกรรมการนโยบายและกำกับดูแลรัฐวิสาหกิจ) ก็มีรายละเอียดชัดเจนในระดับหนึ่งแล้วว่า การควบรวมจะส่งผลดี-เสียอย่างไรบ้าง ฉะนั้น จริง ๆ คือ ข้อมูลพร้อมจะควบรวมแล้ว”

ด้าน “สังวรณ์ พุ่มเทียน” ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ แคท เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในคณะทำงานเรื่องการควบรวม 2 บริษัท ได้วิเคราะห์และทำงานร่วมกันมาพักใหญ่แล้ว จึงได้เสนอโครงการเข้า คนร. จนได้รับอนุมัติมาแล้ว ซึ่งในแผนที่เสนอมีความชัดเจนมากว่า การควบรวมจะช่วยให้รัฐประหยัดเงินลงทุนตั้งแต่ปี 2562-2570 ได้ถึง 1,137 ล้านบาท เพราะไม่ต้องลงทุนซ้ำซ้อน ก่อให้เกิดกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 33% และหากเป็นการควบรวมโดยที่รัฐบาลมอบคลื่นความถี่ให้กับ “เอ็นที เทเลคอม” ไปด้วย จะทำให้มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 66%

ขณะที่แรงต้านจากพนักงานในการควบรวมบริษัทนั้น สหภาพแรงงานฯ แคท ได้เดินสายหารือกับพนักงาน เพื่อให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะเกิดประโยชน์กับประเทศ และให้องค์กรอยู่รอดได้จนไม่มีแรงต้านแล้ว เหลือแต่ฝั่งสหภาพแรงงานฯ ทีโอที ซึ่งจะเรียกประชุมเพื่อลงมติในวันที่ 17 ก.ย.นี้

“การที่รัฐมนตรีห่วงใยพนักงานว่าจะได้รับผลกระทบจากการควบรวมเป็นสิ่งที่ดี แต่ก็ต้องมีความชัดเจน เพราะกระบวนการค้างเติ่งอยู่นานแล้ว ทำให้ทั้งแคทและทีโอทีเดินหน้าต่อไม่ได้ เพราะจะลงทุนอะไรเพิ่มก็ถูกท้วงติงว่าต้องรอการควบรวมก่อน”