“HERE Technologies” จับกระแสอีคอมเมิร์ซ-ไรด์เฮียริ่งบูม ขยับฐานลูกค้าสู่นอกกลุ่มยานยนต์ เพิ่มฟีเจอร์พาหนะ 2 ล้อ เจาะตลาดอาเซียน
นางสาวสตานิมิรา โคเลวา รองประธานอาวุโสและผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของ HERE Technologies ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มข้อมูลแผนที่ กล่าวว่า บริษัทเห็นโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ทั้งมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตคาดว่าจะถึง 1 พันล้านคน
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
สำหรับประเทศไทยคาดว่าในปี 2563 จะมีการลงทุนในด้าน internet of things (IOT) เพิ่มถึง 1,600% ส่งผลให้ภายในปี 2565 ผู้บริโภคจะมีการใช้จ่ายเกี่ยวกับเทคโนโลยีถึง 72 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่จุดเด่นของ open location platform คือ เปิดให้ภาคธุรกิจพัฒนานวัตกรรม real time บนแพลตฟอร์มนี้ได้ และสามารถต่อยอดได้อย่างหลากหลาย อาทิ การวางผังเมืองของภาครัฐ, อุตสาหกรรมโลจิสติกส์, บริษัทประกัน และบริการไรด์เฮียริ่ง
ปัจจุบันบริษัททำแผนที่ใน 200 ประเทศ และมี 63 ประเทศสามารถรายงานข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ มียานพาหนะที่เชื่อมต่อข้อมูลอยู่บนระบบของบริษัทกว่า 100 ล้านคัน
โดยในอาเซียน เห็นโอกาสจากการใช้พาหนะ 2 ล้อ (two wheeler) ซึ่งประชากรกว่า 80% มีไว้ในครอบครอง ทั้งในอุตสาหกรรมเล็กและใหญ่ยังใช้ ในการขนส่งสินค้า ตามการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, โลจิสติกส์ และไรด์เฮียริ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว บริษัทจึงได้เพิ่มชุดข้อมูลพาหนะ 2 ล้อ โดยเป็นการต่อยอดข้อมูลแพลตฟอร์มพาหนะ 4 ล้อที่มีอยู่แล้ว
“เราเป็นบริษัทระดับโลกก็จริง แต่จุดแข็งอยู่ที่ข้อมูลแผนที่ท้องถิ่นที่อัพเดตแบบเรียลไทม์ ลงลึกถึงข้อมูลป้ายบอกทางและจุดอนุญาตต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ในการทำธุรกิจหรือใช้ข้อมูลเพื่อสร้างรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆ รวมทั้งช่วยวางผังเมืองสำหรับภาครัฐ โดยเราต้องการโพซิชั่นตัวเองเป็นมาร์เก็ตเพลซของข้อมูลแผนที่สำหรับนักพัฒนา”
สำหรับประเทศไทย บริษัทมีธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมรถยนต์ แต่จะไม่ปิดกั้นตัวเองแค่นั้น
“จะรุกตลาดมากขึ้น ไม่ได้ทำตลาดแบบเงียบ ๆ อย่างที่ผ่านมา แม้บริษัทจะมีออฟฟิศในไทยและทำตลาดมากว่า 30 ปี แต่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการพูดคุยกับผู้นำอีคอมเมิร์ซในไทยเพื่อทำเซอร์วิสส่งของถึงปลายทาง โดยเริ่มมีการนำข้อมูลไปใช้งานแล้ว”
ที่ผ่านมาบริษัทลงทุน 25 ล้านยูโรในสถาบันวิจัย AI ในออสเตรีย และได้ขยายความสามารถในการใช้ AI ทุกส่วนงานภายในบริษัท เนื่องจากมองว่าโอเพ่นแพลตฟอร์มและข้อมูลแบบเรียลไทม์ จะเอื้อให้เกิดโลกอัตโนมัติในอนาคต นอกจากนี้บริษัทยังลงทุนในบล็อกเชน และเทคโนโลยีใหม่ ๆ สำหรับปรับปรุงความเป็นส่วนตัว เพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเสมอ