คอลัมน์ Pawoot.com
โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
เดิมความรู้ถ่ายทอดในหลายรูปแบบ ทั้งขีดเขียนหรือบันทึก พูดปากต่อปากมีหลักฐานบ้างไม่มีหลักฐานบ้าง เมื่อเข้าสู่ยุคคอมพิวเตอร์ รูปแบบการเรียนรู้เริ่มเปลี่ยนไป และเริ่มพลิกเมื่อเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ยุคที่การประมวลผลมีความเร็วสูง
จุดเปลี่ยนของการเรียนรู้
การเรียนรู้ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อข้อมูลเปลี่ยนรูปแบบไปเป็นดิจิทัลที่หลากหลาย เช่น การมาของ MP3 ทำให้การสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับเสียงเปลี่ยนไปจากที่เคยฟังเพลงจากแผ่น จากเทป คนเริ่มรับรู้หรือเสพเพลงได้หลากหลายมากขึ้น
หากจะพูดว่าตัวกลางสำคัญหรือคนที่กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่การเรียนรู้ในรูปแบบดิจิทัล คือ Google ก็คงไม่ผิด และการที่ Google ซื้อ YouTube ได้เปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ครั้งยิ่งใหญ่มหาศาล เพราะการเรียนรู้ของคนในยุคดิจิทัลเริ่มหันมาสนใจคอนเทนต์วิดีโอมากขึ้น
จริง ๆ ตัวกระตุ้นให้เกิดการทำเนื้อหาคอนเทนต์หรือองค์ความรู้ในรูปแบบวิดีโอ คือ โฆษณา คนตัวเล็ก สามารถเป็นสื่อบนโลกออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะบน YouTube, SoundCloud หรือบล็อกของตัวเอง สื่อเหล่านี้ปรับตัวให้แข็งแกร่งมากขึ้น โดยสามารถระบุตัวตนของคน การยืนยันตัวตนของคนที่ดูว่าเป็นใคร และทำได้แม่นยำขึ้น เป็นตัวเร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การเรียนรู้รูปแบบใหม่
ที่ผมเกริ่นมาทั้งหมดอยากบอกว่าสมัยก่อนเราเรียนรู้ต้องรอเวลาเข้าไปเรียน ต้องรอเวลาครูมาสอน รูปแบบการเรียนยังเป็นลักษณะตายตัว มีความยืดหยุ่นต่ำ ใช้เวลามากกว่าในการที่จะกระจายองค์ความรู้ออกไป ด้วยข้อจำกัดในเรื่องของการเรียงตัวของข้อมูลที่ต้องถูกจัดเรียงไว้ก่อน และคนต้องเข้ามาดูในช่วงเวลานั้น
แต่การเรียนรู้เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ในยุคอินเทอร์เน็ตที่ทุกอย่างมัน unstructured มาก ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน เวลาใด ทุกคนสามารถเข้าไปพร้อมกันได้ และดูตอนไหนก็ได้ จึงทำให้การเรียนรู้ของคนยิ่งมีความแตกต่าง มีการกระจายตัวมากขึ้น อีกทั้งมีความหลากหลายและลงลึกมากขึ้น โดยเฉพาะในเชิงปฏิบัติผมเชื่อว่าเด็กสมัยนี้เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
เปิดใจ ยอมรับ และให้โอกาส
สิ่งเก่าที่คุณพ่อคุณแม่หรือคนรุ่นเดิมเคยยึดติดกันมา เช่น ต้องอ่านหนังสือ ต้องท่องสูตรคูณ หรืออะไรก็ตามที่เคยมองว่าเป็นการพัฒนาทักษะ อยากให้ท่านรู้ว่าการพัฒนาทักษะเปลี่ยนไปแล้วครับ เด็กรุ่นใหม่มีการเรียนรู้ในรูปแบบที่ไม่ตายตัว เขาเติบโตมากับการเรียนรู้ในรูปแบบของวิดีโอที่เป็นภาพ เสียง และการเคลื่อนไหว บางทีอาจทำให้การเรียนรู้ดีกว่าการอ่านด้วยซ้ำไป เพราะการอ่านเราต้องจินตนาการทุกอย่างเอง
แต่การเรียนรู้ด้วยวิดีโอ ด้วยเสียง ทำให้การเรียนรู้พัฒนาได้รวดเร็วขึ้น เพราะการรับรู้มันต่างกันโดยสิ้นเชิง จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่จึงเก่งขึ้น และไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเด็กรุ่นใหม่เวลาค้นหาข้อมูลจะหาจาก YouTube ก่อน นั่นเพราะเขาเคยชินกับการหาข้อมูลจากวิดีโอ ฉะนั้น องค์ความรู้ที่เด็กรุ่นใหม่ได้รับจะค่อนข้างกว้างไม่จำกัดแค่ในประเทศไทย
ผู้ใหญ่ที่เคยเติบโตมากับการเรียนรู้แบบเดิม ๆ กับรูปแบบสื่อหรือฟอร์แมตแบบเดิม ๆ คุณต้องรู้จักเปิดใจยอมรับและเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ในวิธีการใหม่ ๆ
ครูอาจารย์ต้องเปลี่ยนรูปแบบการสอนไปเป็นวิธีใหม่ ๆ จะไม่ใช่แบบ one for all ที่อาจารย์หนึ่งคนสอนให้ทุกคนคิดแบบเดียวกัน แต่การเรียนรู้จะเปลี่ยนเป็น one to one คือเด็กแต่ละคนจะมีรูปแบบของตัวเอง
หากพวกเขารู้ตัวตั้งแต่เนิ่น ๆ ว่าชอบอะไร อยากเป็นอะไร หน้าที่ของพ่อแม่ผู้ปกครองก็จะชัดมากขึ้น จะสนับสนุนลูกไปในทิศทางนั้นได้ดีและเร็ว เขาจะเป็นคนเก่งโดยที่ไม่ต้องไปรอจนถึงมหาวิทยาลัยหรือเรียนจบ