เป็นอีกองค์กรที่ให้ความสำคัญการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับกลุ่มแสนสิริ โดยมี “สิริ เวนเจอร์ส” เป็นหัวหอกใน 3 ด้าน คือ 1.investment โฟกัสสตาร์ตอัพที่ส่งเสริมธุรกิจในเครือ (ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ลงทุน 9 บริษัท และในครึ่งหลังปีนี้-2562 จะลงทุนเพิ่มอีก 600 ล้านบาท) 2.สร้าง ecosystem partner และ 3.lab & development “Sansiri Home Service Application” เพื่อให้ลูกบ้านสะดวกสบายเพิ่มขึ้น
ล่าสุดได้เปิดตัวโครงการ “The Founder” ปั้นพนักงานเป็นสตาร์ตอัพด้าน PropTech สู่วงการอสังหาริมทรัพย์ไทย และทำให้คนในองค์กรตื่นตัวในเรื่องการพัฒนานวัตกรรม มีไมนด์เซตการเป็น “เถ้าแก่” หรือเจ้าของกิจการ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ดร.วิวัฒน์ กรมดิษฐ์ ผู้อยู่เบื้องหลัง “บ้านกรมดิษฐ์” บ้านสวนลอยฟ้า
“จิรพัฒน์ จันทร์เจิดศักดิ์” ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยี บริษัท สิริ เวนเจอร์ส จำกัด (SIRI VENTURES) กล่าวว่า บริษัทเชื่อในเรื่องนวัตกรรมและความสามารถของคนในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ แต่ครั้งนี้เปลี่ยนวิธีการตั้งคำถามใหม่เป็นว่า แต่ละหน่วยงานในองค์กรมี “pain point หรือความท้าทาย” อะไรบ้างที่จะนำนวัตกรรมมาแก้ปัญหาได้ ซึ่งบุคลากรในองค์กรน่าจะเป็นผู้ที่รู้ดีที่สุด ว่าอะไรที่จะมาทำให้การทำงานดีขึ้น ทำให้ลูกค้าพอใจมากขึ้น เพราะอยู่กับลูกค้าและระบบต่าง ๆ
“สตาร์ตอัพ PropTech ของไทยยังมีน้อย มีแค่หลัก 10 ราย ขณะที่ทั่วโลกมีกว่า 7 พันราย มูลค่าการลงทุนกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญ หรือในเอเชียมี 500 กว่าราย ถ้า The Founder จะสร้าง PropTech สตาร์ตอัพไทยได้เพิ่มสัก 1-2 หรือ 3 รายได้ก็จะดี”
โปรเจ็กต์ The Founder เป็นโรดแมปพัฒนาธุรกิจหลักสูตรเข้มข้น 3 ปี (2019-2021) ครอบคลุมทั้งการฝึกอบรมสร้างแผนธุรกิจตั้งแต่การพัฒนาไอเดียผลิตภัณฑ์ต้นแบบ (paper prototype) และต่อยอดไอเดียให้เกิดขึ้นจริงด้วยการใส่เงินทุนเริ่มต้น (seed funding) ให้ โดยในปีนีตั้งเป้ามอบเงินทุนสนับสนุนนวัตกรรมสูงสุดรวม 36 ล้านบาท หรือไม่เกินทีมละ 3 ล้านบาท
โดยเฟสแรก “rise” ทั้ง 12 ทีมจะยังทำงานประจำตามปกติ แต่มีงานในส่วนนี้เพิ่มเข้าไป แม้ไม่ได้เงินเดือนเพิ่ม แต่ได้ประสบการณ์ ใช้เวลา 3 เดือน ก่อนเข้าสู่เฟสถัดไป “bounce” ใช้เวลาประมาณ 12 เดือน โดยจะได้รับการสนับสนุนทั้งด้านการเงิน (ทีมละไม่เกิน 3 ล้านบาท), การเทรนนิ่งตั้งแต่เรื่องโปรดักต์, การตลาด และอื่น ๆ ก่อนเสนอ product prototype จนเป็นเฟสสุดท้ายเรียกว่า “shoot”
“ในเดือนที่ 12 พนักงานมีสิทธิ์เลือกได้ว่าจะอยู่กับเรา โดยอาจนำสิ่งที่พัฒนามาตั้งเป็นแผนกใหม่ในแสนสิริ หรือออกไปเป็นสตาร์ตอัพเองก็ได้ไม่ผูกมัด ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าไปลงทุนด้วย อย่างน้อยก็สร้างอิมแพ็กต์ให้คนในองค์กร เพราะการทำสิ่งใหม่ในหมวดลูกจ้างก็จะได้ความทุ่มเทระดับหนึ่ง แต่ถ้าเป็นเถ้าแก่จะทวีคูณขึ้นไป”
3 ใน 12 ทีมที่ได้รับการคัดเลือกในรอบแรก ได้แก่ ทีม Con”s Go สร้างนวัตกรรมในการพิจารณาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการได้แม่นยำ, ทีม Decode พัฒนานวัตกรรมสินเชื่อ P-to-P เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย และทีม “Fur-Full-Feel” พัฒนาพื้นที่แลกเปลี่ยน หรือให้เช่าเฟอร์นิเจอร์
