ได้ฤกษ์นับหนึ่งจัดสรร 4 พัน ล. กองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

แม้ตั้งมากว่า 2 ปีแล้ว สำหรับ “กองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งเงินสนับสนุนการพัฒนาดิจิทัลฯ ตามนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเปิดกว้างในการส่งเสริมทั้งหน่วยงานรัฐ และเอกชน หรือบุคคลทั่วไป ที่มุ่งพัฒนาเพื่อประโยชน์สาธารณะไม่แสวงหากำไร

แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้ให้เงินอุดหนุนโครงการเพื่อพัฒนาดิจิทัลตามวัตถุประสงค์การจัดตั้งกองทุน มีเพียงการจัดสรรเงินอุดหนุนให้กับสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (สดช.) และสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ตามกรอบที่ พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำหนด

ทั้งที่กองทุนมีเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้เป็นรายปี และยังได้รับเงิน 15% ของการจัดสรรคลื่นความถี่ ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จัดขึ้น รวมถึงเงินอีก 15% ของรายได้ของสำนักงาน กสทช.ด้วย

โดย ณ 31 ม.ค. 2562 กองทุนพัฒนาดิจิทัลฯ มีเงินคงเหลือทั้งหมดกว่า 4,362 ล้านบาท และประมาณการรายรับปีนี้อยู่ที่ 2,650 ล้านบาท

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) ทั้งคนก่อนหน้านี้และคนปัจจุบันอย่าง “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ได้ให้เหตุผลถึงความล่าช้าว่า ต้องรอให้มีระเบียบและเกณฑ์การอนุมัติเงินทุนก่อน ซึ่งจะทำได้ก็ต้องมีการประชุมคณะกรรมการกองทุน

ล่าสุดเมื่อ 30 ก.ย. 2562 ก็ได้มีการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุน โดยมี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานบอร์ดบริหารกองทุน และมีรัฐมนตรี DES “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” เป็นรองประธานบอร์ด โดยมีมติที่สำคัญ คือ รับทราบข้อมูลสถานะการเงินการคลังของกองทุน และกำหนดให้มีการเปิดรับโครงการที่ประสงค์จะขอรับเงินอุดหนุนจากกองทุน ในวันที่ 1-31 ต.ค.นี้ ภายใต้กรอบวงเงิน 2,000 ล้านบาท

“วางกรอบการสนับสนุนที่เน้นไปที่ FinTech HealthTech AgriTech GovTech EdTech นวัตกรรมดิจิทัล และการพัฒนาด้านบุคลากร”

ส่วน 66 โครงการที่ยื่นขอเงินสนับสนุนก่อนวันที่ 11 เม.ย. 2562 ซึ่งเป็นวันที่ประกาศ นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงในราชกิจจานุเบกษา จึงไม่เข้าเกณฑ์จะได้รับการสนับสนุน แต่สามารถยื่นเอกสารเข้ามาใหม่ได้ ส่วนอีก 130 โครงการ ที่ยื่นหลัง 11 เม.ย. ให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรอง


“รองนายกฯสมคิดได้เร่งให้อนุมัติโครงการเร็วขึ้น เพราะค้างมา 2 ปีแล้ว แต่ต้องให้โปร่งใส รอบคอบ และเปิดกว้างให้กับมหาวิทยาลัย และหน่วยงานต่าง ๆ เข้ามาขอรับการสนับสนุนได้ รวมถึงให้เร่งหาผู้บริหารกองทุนให้เสร็จภายใน 1 เดือน เพื่อให้มีการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ”