นายชานนท์ จิรายุกุล รองประธานกรรมการฝ่ายบริหาร ออปโป้แห่งประเทศไทย กล่าวว่า OPPO Reno2 Series มาพร้อมสโลแกน “4 กล้องหลัง ชัดทุกระยะ สวยทุกมุมมอง” ด้วยฟีเจอร์ที่โดดเด่น โดยใน OPPO Reno2 F มีเลนส์หลักความละเอียด 48MP, เลนส์ Ultra Wide Angle ที่เก็บภาพได้กว้างขึ้น ความละเอียด 8MP, เลนส์ Mono ความละเอียด 2MP และเลนส์ Portrait ความละเอียด 2MP พร้อมรองรับการถ่ายภาพกลางคืนด้วย Ultra Night Mode 2.0 ส่วนกล้องหน้าความละเอียด 16MP แบบ Rising Camera เลื่อนขึ้นลงอัตโนมัติถ่ายภาพเซลฟี่สวยทุกมุมมองด้วย Atmosphere Light รวมทั้งสามารถถ่ายโหมด Portrait Bokeh ให้ภาพถ่ายมีลูกเล่นหน้าชัดหลังเบลอ
- มอเตอร์โชว์ 2024 เริ่มแล้ว
- ยื่นภาษีปี 2567 หมดเขตเมื่อไหร่ ยื่นไม่ทันต้องทำอย่างไร
- คำแนะนำจาก ซีอีโอ “ฮั่วเซ่งเฮง” ยุคทอง (โคตร) แพง ต้องลงทุนอย่างไร ?
ส่วน OPPO Reno2 โดดเด่นเรื่องการถ่ายภาพชัดทุกระยะทั้งภาพถ่ายและวิดีโอ ไม่ว่าจะถ่ายภาพใกล้หรือไกล ก็สามารถเก็บรายละเอียดได้อย่างชัดเจน ด้วยฟังก์ชั่น ซูม 5x Hybrid Zoom, ซูมได้สูงสุด 20 เท่า พร้อม Ultra Macro Mode ถ่ายใกล้ได้ถึง 2.5 เซนติเมตร และ Ultra Wide Angle ถ่ายมุมกว้างได้อย่างชัดเจน ในส่วนของวิดีโอ คมชัดทุกช็อตกับ Ultra Steady Mode ทั้งยังสามารถสร้างสรรค์วิดีโอและภาพถ่ายด้วยโหมด Bokeh Effect VDO
OPPO Reno2 F มาพร้อมชิปเซ็ต MediaTek Helio P70 และ RAM 8GB, ROM 128GB สำหรับ OPPO Reno2 มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 730G พร้อมด้วย RAM 8GB, ROM 256GB นอกจากนั้น OPPO ยังได้ออกแบบมาให้รองรับ Dual Wi-Fi สามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้พร้อมกัน 2 คลื่นความถี่ ช่วยให้โหลดแอปพลิเคชันเร็วขึ้น 3 เท่า และดาวน์โหลดแคชวีดีโอเร็วขึ้น 2 เท่า โดยทั้งสองรุ่นมีแบตเตอรี่ความจุขนาดใหญ่ 4,000 mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยีชาร์จไว VOOC 3.0 เพิ่มความเร็วในการชาร์จเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
OPPO Reno2 series เปิดจองแล้ววันนี้ – 25 ตุลาคม เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26 ตุลาคมเป็นต้นไป ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดย Reno2 F ราคาเริ่มต้นที่ 11,990 บาท ส่วน Reno2 ราคาเริ่มต้น 17,990 บาท และสำหรับลูกค้าที่จอง OPPO Reno 2 และ Reno 2F ผ่านผู้ให้บริการเครือข่าย AIS, dtac และ Truemove H ในวันที่ 9 – 25 ตุลาคม 2019 พร้อมแพ็คเกจรายเดือนที่กำหนด จะได้สิทธิซื้อเครื่องในราคาเริ่มต้นเพียง 3,490 บาท