เปลี่ยน “ม้ากลางศึก” รมว.ดิจิทัลปูพรมจัดทัพใหม่

มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อ 7 ต.ค. 2562 ได้ “โยกย้าย” ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)แทบยกแผง โดยเฉพาะ 2 “รองปลัด”ที่มีอยู่ คือ “น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์” ถูกโยกไปเป็นอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา และ “วรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา” ไปเป็นเลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช.)และให้ “ภูเวียง ประคำมินทร์” อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา มานั่งเป็นรองปลัดกระทรวง เช่นเดียวกับ “ภุชพงค์ โนดไธสง” ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) พร้อมแต่งตั้ง 2 ผู้ตรวจราชการกระทรวงใหม่ ทดแทนผู้เกษียณอายุ

เปิดโอกาส “ส่งเสียง”

“พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” รัฐมนตรีกระทรวงดีอีเอส เปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การโยกอธิบดีกรมอุตุฯ และ สสช. มานั่งเป็นรองปลัดเพื่อเปิดโอกาสให้ “ส่งเสียง” จากหน่วยงานระดับกรมมาสู่ “ส่วนกลาง” ให้รับรู้ปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ขณะที่รองปลัดเดิมก็จะได้ใช้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ เข้าไปพัฒนาขีดความสามารถของหน่วยงานระดับกรมให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของ สดช. ที่จะขับเคลื่อนนโยบายต่าง ๆ ไปสู่การปฏิบัติได้เร็วขึ้น เนื่องจาก สดช.มีส่วนสำคัญในการวางโครงสร้างพื้นฐานสำคัญดิจิทัล

“ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามความเหมาะสม ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง หรือตั้งธงว่าจะต้องมีการโยกย้ายใครอีก”

เร่งสรรหา “ทีโอที-ไปรษณีย์”

นอกจากนี้ ยังได้สั่งการให้คณะกรรมการ บมจ.ทีโอที เริ่มกระบวนการสรรหากรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ หลังจาก “มนต์ชัย หนูสง” กรรมการผู้จัดการใหญ่คนปัจจุบัน จะสิ้นสุดสัญญาจ้าง 15 ต.ค.นี้ โดยให้เร่งตั้งคณะกรรมการสรรหาให้เร็วที่สุด ระหว่างนี้คงจะตั้งรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือบอร์ด มารักษาการแทน เพื่อดำเนินการไปก่อน แต่ในส่วนของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ทางคณะกรรมการบริษัทได้เริ่มประกาศรับสมัครผู้สนใจเข้าคัดเลือกเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่แล้ว เพื่อเตรียมพร้อมก่อนที่ “สมร เทิดธรรมพิบูล” กรรมการผู้จัดการใหญ่คนปัจจุบันจะสิ้นสุดสัญญาจ้าง ม.ค. 2563

“ได้กำชับไปยังบอร์ดแล้วให้สรรหาอย่างรอบคอบและโปร่งใส ซึ่งยืนยันได้ว่า ไม่ได้เป็นการเปิดทางส่งคนของผมเข้าไป แต่เป็นไปตามวาระ ครบเวลาที่ต้องไปพอดี”

เปลี่ยน “ม้ากลางศึก”

ขณะที่สถานการณ์ของ “ทีโอที” และ “ไปรษณีย์ไทย” ถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยไปรษณีย์ไทยอยู่ในภาวะที่กำไรลดลงอย่างต่อเนื่อง จนคู่แข่งรายสำคัญอย่าง Kerry Express ที่อายุบริษัทห่างกันเป็นร้อยกว่าปี กำลังจะมีกำไรแซงหน้าที่สำคัญ คือ บมจ.ทีโอที ที่กำลังเตรียมเข้าสู่กระบวนการ “ควบรวม” กิจการกับ บมจ.กสท โทรคมนาคม เพื่อเป็นบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ (NT) ตามมติของ คนร. (คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) เพียงแค่รอให้รัฐมนตรีดีอีเอส นำเสนอแผนการควบรวมให้ที่ประชุม ครม. อนุมัติครั้งสุดท้ายก็จะเริ่มควบรวมได้ทันที

ก่อนหน้านี้จึงมีกระแสออกมาต่อเนื่องว่า จะมีการต่อสัญญาจ้าง “มนต์ชัย หนูสง” ให้ทำหน้าที่กรรมการผู้จัดการใหญ่ต่อไปอีก แต่สุดท้าย รัฐมนตรีดีอีเอสยืนยันชัดเจนว่า ได้เร่งให้บอร์ดเริ่มกระบวนการสรรหาแล้วสถานการณ์เช่นนี้จึงเหมือนการ “เปลี่ยนม้ากลางศึก” แต่ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ยืนยันว่า”ไม่ใช่หรอก เพราะทั้ง 2 คนถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยน และมองว่าเป็นจุดที่จะต้องเปลี่ยน หาคนที่มีความสามารถเข้ามาปรับแนวทางการบริหารการพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น ถ้าไม่ได้เปลี่ยนตอนนี้จะยิ่งแย่ ตัวเลขผลประกอบการเห็นชัดว่า กำไรเริ่มลดลง”

เปิดสเป็กซีอีโอใหม่

สำหรับสเป็กซีอีโอของ 2 หน่วยงานนี้ รัฐมนตรีดีอีเอสระบุว่า “ไปรษณีย์ไทย” อยากได้คนที่มีความคิดในเรื่องการตลาด เพราะปัญหาตอนนี้ คือ จะต้องรีแบรนดิ้ง เพราะเดิมไปรษณีย์ไทยอาจจะรู้สึกว่าเป็นการผูกขาด แต่วันนี้มีคู่แข่งเข้ามามากมาย แข่งกันทำตลาด แข่งด้านราคา แข่งด้านบริหารจัดการอย่างมาก แต่ในส่วนของเครือข่ายไปรษณีย์ไทยก็ยังแข็งแรง จึงจำเป็นต้องเร่งปรับปรุงด้านแบรนดิ้ง การนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มศักยภาพในการบริการ ทำให้ลูกค้าสะดวกขึ้น แตกต่างจากทีโอทีที่มีปัญหาเก่าต้องแก้ไขหลายส่วน จึงจำเป็นต้องได้คนที่รู้ลึกในปัญหาต่าง ๆ และมีประสบการณ์ในการบริหารองค์กรใหญ่

“ไปรษณีย์ฯเครือข่ายยังดี ยังมีโอกาสโตได้ ขอแค่ได้คนที่มีวิสัยทัศน์มาปรับด้านการตลาด แต่ทีโอทีเป็นอีกแบบ จะต้องได้คนที่มาคิดงานใหม่ ขยายงานใหม่ พลิกไปจากเดิม เพราะทีโอทีต้องเปลี่ยนตามเทคโนโลยีอย่างมาก”

งานสะดุด

แหล่งข่าวภายในกระทรวงดิจิทัลฯเปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า การเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูงครั้งใหญ่สังกัดดีอีเอสครั้งนี้ ส่งผลกระทบหลายอย่าง โดยเฉพาะในส่วนของการตั้งคณะกรรมการ สำนักงาน และเลขาธิการ ตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่ปัจจุบันก็ล่าช้ากว่าแผนแล้ว เมื่อเปลี่ยนรองปลัดกระทรวงใหม่ก็ทำให้กระบวนการต่าง ๆ หยุดชะงัก

“คนเก่าก็ต้องหยุด จะทำต่อก็เดี๋ยวจะมีข้อกังขา คนใหม่ก็ยังต้องรอรับตำแหน่งเป็นทางการ แล้วจะต้องศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ใหม่อีก เพราะ 2 กฎหมายนี้มีความซับซ้อน และกำหนดกรอบเวลาแต่เรื่องที่ต้องทำไว้”

ขณะเดียวกัน รัฐมนตรีดีอีเอสยังได้หารือกับบอร์ดหน่วยงานใต้สังกัดหลายแห่งแล้ว โดยเริ่มส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการเปลี่ยนบอร์ดใหม่ยกชุด