เกาะกระแส IOT-AI

เป็นอีกบริษัทที่อยู่คู่วงการไอทีมายาวนาน ล่าสุด “ซานโดช วิศวะนาธาน” กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่น กล่าวว่า อินเทลกำลังปรับโพซิชั่นตัวเองจากบริษัทที่เน้นพีซี (PC-centric) เป็นบริษัทที่เน้นให้ความสำคัญกับ “ข้อมูล” (data-centric) ตามการเติบโตที่ก้าวกระโดดของจำนวนข้อมูลที่สูงถึง 25% ต่อปี

โดยคาดว่าจนถึงปี 2566 โอกาสทางการตลาดของการจัดเก็บข้อมูลและประมวลผลจะสูงถึง 2.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โตเฉลี่ย 7% ต่อปี

ขณะที่ตลาดพีซีจะลดลงถึง 68 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือติดลบ 1% ต่อปี

ประเทศไทยถือเป็นตลาดสำคัญ ของอินเทล เนื่องจากมีเทรนด์เกมมิ่งและความต้องการใช้งาน IOT และ AI ในอุตสาหกรรม เพื่อพัฒนาสู่การทำงานแบบอัตโนมัติ

อินเทลจึงได้เพิ่มการลงทุน โดยปีนี้เพิ่มพนักงานขึ้น 3 เท่า และเน้นร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนานวัตกรรมเฉพาะเพื่อเจาะลูกค้าในแต่ละกลุ่มอุตสาหกรรม

ส่วนในฝั่งผู้ใช้ทั่วไปก็มีเทรนด์ของเกมมิ่งที่เป็นโอกาส โดยอินเทลร่วมทำตลาดอีสปอร์ต รองรับการเติบโตของตลาดนี้

ล่าสุด อินเทลได้เปิดตัวโปรเซสเซอร์ Intel Core เจเนอเรชั่น 10 ที่มีคุณสมบัติของ AI ทั้งเพิ่มประสิทธิภาพด้านกราฟิกดีขึ้น 2 เท่า รองรับเทคโนโลยี Intel Wi-Fi 6 ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อได้ดีขึ้นและปลอดภัย รวมถึง Thunder-bolt 3 ช่วยให้การส่งต่อไฟล์ทำได้เร็วขึ้น 3 เท่า

ทั้งนี้ Intel Core เจน 10 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของ “project Athena” หรือมาตรฐานของโน้ตบุ๊กบางเบาสมัยใหม่ ที่จะช่วยให้โน้ตบุ๊กกลุ่มบางเบามีประสิทธิภาพขั้นสูง

สำหรับ Intel Core เจน 10 จะเน้นเจาะกลุ่มผู้ใช้ทั่วไปและเกมเมอร์ โดยจะเน้นที่โน้ตบุ๊กกลุ่มบางเบา, 2in1 และคอมพิวเตอร์ออลอินวัน (all in one)

ในตลาดไทยจะมีพีซี 31 รุ่นที่มี Intel Core เจเนอเรชั่น 10 ราคาเริ่มต้นที่ 13,990 บาท

ขณะที่ทั่วโลกมีรุ่นที่ใช้ Intel Core เจเนอเรชั่น 10 แล้วกว่า 120 รุ่น