เมื่อกูเกิล “จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” ปีนี้จัดเต็มทั้งฟรีไวไฟ-อีเลิร์นนิ่งเสริมทักษะดิจิทัล

จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 แล้วสำหรับงาน “Google for Thaliand” ที่ปีนี้ได้ประกาศผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้แนวคิด “Leave no Thai Behind” 

 ปีนี้นอกจากจะมีรองนายกรัฐมนตรี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” มาปาฐกถาเปิดงาน ย้ำถึงความสำคัญของนโยบายดิจิทัลไทยแลนด์ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงโอกาสต่างๆ ของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา สาธารณสุข การสร้างรายได้ พร้อมกับ “ขอบคุณ” ที่ผู้บริหารกูเกิลทำรักษาสัญญาที่ให้ไว้ว่าจะช่วยผลักดันในเรื่องนี้  แต่ยังรอคำตอบเรื่อง “การลงทุนในไทยอย่างจริงจัง” ของกูเกิล

สเตฟานี่ เดวิส” กรรมการผู้จัดการ กูเกิล เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ยังได้เน้นย้ำถึงการลงทุนในไทยภายใต้โครงการ “Google for Thailand”  ผ่าน 4 ภารกิจหลัก คือ การสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี การส่งเสริมทักษะดิจิทัล  การสนับสนุนให้ SMEs ใช้เทคโนโลยีเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อสังคม

โดยในส่วนของการสร้างโอกาสในการเข้าถึงเทคโนโลยี ได้ใช้โครงการ Google Station สร้างจุดให้บริการฟรีไวไฟให้คนไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและแหล่งความรู้ต่างๆ ผ่านความร่วมมือกับ บมจ. กสท โทรคมนาคม (แคท) ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมกว่า 100 สถานที่ทั่วประเทศ มีจำนวนผู้เข้าใช้งานแล้วกว่า 2 ล้านคน

ขณะที่การส่งเสริมการพัฒนาทักษะดิจิทัล ได้นำครงการระดับโลก “Grow with Google” เข้ามาช่วยสร้างทักษะให้คนไทย ผ่าน 2 แอปพลิเคชั่นใหม่คือ “Primer” บทเรียนสำหรับการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางธุรกิจและการตลาดดิจิทัลในระดับเบื้องต้นที่เข้าใจง่าย ร่วมพัฒนาเนื้อหากับ SCB  และ “Skillshop” แพลตฟอร์มอีเลิร์นนิงเพื่อเรียนรู้การใช้เครื่องมือและโซลูชั่นต่างๆ ของกูเกิล สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะให้ก้าวสู่ระดับผู้เชี่ยวชาญ

รวมถึงการนำโครงการ “Be Internet Awesome” สำหรับให้ความรู้เด็กและเยาวชนในการใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัย ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกที่นำโครงการ Be Internet Awesome มาใช้ด้วยภาษาท้องถิ่น

ขณะที่การสนับสนุน SMEs ให้ใช้เทคโนโลยีเสริมศักยภาพ  กูเกิล ได้ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าประชารัฐ และสมาชิกเว็บไซต์ Thaitrade.com สามารถลงทะเบียน และยืนยันบัญชี Google My Business ได้ทันที เพื่อผลักดันให้ 1 ล้านธุรกิจไทยสามารถค้นหาได้ผ่านช่องทางออนไลน์ในปี 2563

รวมถึงขยายความร่วมมือกับธนาคารไทยพาณิชย์เพื่อให้ SMEs ลงทะเบียนใช้งาน Google My Business ผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy ได้ตั้งแต่สิ้นเดือนนี้

ในแง่ของการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาสังคม  ด้วยการพัฒนาเครื่องมือและบริการใหม่ รวมถึงโลคอลคอนเทนต์

กูเกิลได้ประกาศขยายงานวิจัยในการ AI (ปัญญาประดิษฐ์) คัดกรองภาวะเบาหวานขึ้นจอประสาทตา (Diabetic Retinopathy) โดยใช้ AI อ่านและวิเคราะห์ภาพถ่ายจอประสาทตาแทนแพทย์ แก้ปัญหาขาดแคลนจักษุแพทย์ เนื่องจากประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคเบาหวานกว่า 4.5 ล้านราย ซึ่งทุกรายมีความเสี่ยงที่จะตาบอดจากภาวะนี้ แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการวินิจฉัยจากภาพถ่ายจอประสาท แต่ในไทยมีจักษุแพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านนี้เพียง 1,500 คน

งานวิจัยนี้จึงเริ่มต้นเมื่อปีที่แล้ว โดยร่วมกับโรงพยาบาลราชวิถี สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เพียงแห่งเดียว ในปีนี้ได้ขยายเพิ่มเป็น 8 แห่ง ครอบคลุม 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ ปทุมธานี และเชียงใหม่

นอกจากนี้ยังได้ขยายความร่วมมือในการถ่ายทอดความงดงามของวัฒนธรรมไทยผ่าน “Google Arts & Culture” ซึ่งล่าสุดได้ขยายนิทรรศการวังหน้านฤมิต ในมิติแห่งกาลเวลา เพิ่มเป็นเรื่องที่ 5 คือ “Hidden Fruits” โดยกูเกิล ได้ทำงานร่วมกับกรมศิลปากร และ ท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน