พลิกกลับไปกลับมาตลอดเวลาสำหรับสถานการณ์สงครามการค้า “จีน-สหรัฐ” และแม้ว่า “หัวเว่ย เทคโนโลยี่” จะตกเป็นเป้าหมายสำคัญในศึกครั้งนี้ แต่ “เหริน เจิ้งเฟย” ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของหัวเว่ย เพิ่งให้สัมภาษณ์กับสื่อสหรัฐ อย่างหนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล ว่า ไม่คาดหวังว่าสหรัฐอเมริกาจะถอนชื่อหัวเว่ยออกจากบัญชีดำ
ทั้งยังกล่าวว่า “ให้อเมริกาใส่ชื่อหัวเว่ยในบัญชีดำตลอดไปก็ได้ เพราะเราอยู่ได้สบาย ๆ อยู่แล้ว”
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- KNLA ถอนกำลังจากเมียวดี ไปโจมตีทหารเมียนมากองพล 55 ผู้ลี้ภัยข้ามฝั่งกลับแล้ว
พร้อมย้ำอีกว่า ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หัวเว่ยถูกรวมเข้าไปอยู่ในบัญชี Entity List ของสหรัฐอเมริกา มีผลบังคับไม่ให้หัวเว่ยทำธุรกิจใด ๆ กับบริษัทสัญชาติอเมริกัน นับเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ “มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยกับธุรกิจของหัวเว่ย” โดยรายได้ 9 เดือนแรกของปีเติบโตสูงขึ้นถึง 24%
แต่ “เหริน เจิ้งเฟย” ยังระบุว่า เขาไม่เคยเกลียดสหรัฐฯ และหัวเว่ยก็จะไม่ปิดประตูใส่ประเทศใด ๆ เพื่อประโยชน์ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาด้านดิจิทัลอย่างรวดเร็วของโลก
โดยเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา “เหริน” ได้ประกาศขายเทคโนโลยี 5G ของหัวเว่ย รวมถึงองค์ความรู้และลิขสิทธิ์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ ให้แก่บริษัทสหรัฐฯ ซึ่ง ณ เวลาก็ยังเปิดรับอยู่ แต่ยังไม่มีบริษัทใดติดต่อเข้ามา
พร้อมย้ำว่า หัวเว่ยจะไม่มีวันหยุดพัฒนานวัตกรรมด้าน 5G, AI และโมบายเทคโนโลยี โดยถือเป็นหนึ่งในบริษัทที่ลงทุนด้าน R&D มากที่สุดในโลก ในอีก 5 ปีข้างหน้า หัวเว่ยมีแผนที่จะทุ่มงบถึง 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อก่อตั้งศูนย์นวัตกรรมและ R&D ทั่วโลก