ซีอีโอ “เสียวหมี่” สั่งลุย ประกาศทุ่มเงินกว่า5หมื่นล้านหยวน ชิงผู้นำ 5G-AIoT

ขยับขยายธุรกิจจากผู้ผลิตสมาร์ตโฟนหน้าใหม่ เมื่อสิบปีก่อน ปัจจุบัน “เสียวหมี่” (Xiaomi) มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลายมาก ตั้งแต่กระเป๋า, กาต้มน้ำ, หม้อหุงข้าว, เครื่องดูดฝุ่น, เครื่องฟอกอากาศ, หูฟัง และอื่น ๆ อีกมากมาย

ซึ่งล้วนแล้วแต่ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทำให้ธุรกิจเติบโตก้าวกระโดดจนได้รับการจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่มีอายุการก่อตั้ง และดำเนินกิจการน้อยที่สุดที่ติดอันดับใน Fortune Global 500 ในปี 2019 ที่ผ่านมาด้วย

ในจดหมายของ “เหลย จวิน” ผู้ก่อตั้ง ประธานกรรมการ และซีอีโอ “เสียวหมี่” ที่เขียนถึงพนักงานระบุว่า ปี 2020 จะเป็นปีที่เสียวหมี่ก้าวสู่การดำเนินกิจการเป็นปีที่ 10 และประกาศว่าจะมีการลงทุนมากถึง 5 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 7.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ภายใน 5 ปี เพื่อยกระดับการพัฒนานวัตกรรมและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อรองรับการมาของยุค 5G เพื่อทำให้เสียวหมี่ครองความเป็นผู้นำเทคโนโลยีของโลกได้ หลังจากปีที่ผ่านมามียอดจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกอยู่ในอันดับที่ 4 ของโลกต่อเนื่อง

“ปี 2019 ยังเป็นปีที่สำคัญของเสียวหมี่ที่ขยายตัวและเติบโตไปทั่วโลก ผลพวงจากการเติบโตที่ตลาดต่างประเทศทำให้รายได้จากตลาดต่างประเทศทั่วโลกคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้รวมทั้งหมด และในปี 2020 นี้ จะได้เห็นปรากฏการณ์การสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งเทคโนโลยีของโลกที่ผสมผสานระหว่างเครือข่ายซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ฮาร์ดแวร์ดิจิทัล ทั้ง 5G + AI + IoT และซุปเปอร์อินเทอร์เน็ตเข้าด้วยกัน เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วโลกด้วย”

เนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกถึงพนักงานของ “เหลย จวิน” มีรายละเอียดดังนี้

สวัสดีพี่น้อง “เสียวหมี่” ที่รักทุกท่าน สำหรับการทำงานวันแรกของปี 2020 ผมขอใช้โอกาสนี้สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน

“ปี 2019 ได้ผ่านพ้นไป สำหรับเสียวหมี่แล้ว เป็นปีแห่งการวางแผนที่รอบคอบและการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ เนื่องจากอุตสาหกรรมของเราก้าวเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนผ่านยุคเทคโนโลยีที่สำคัญจาก 4G มาเป็น 5G เราจึงมุ่งเน้นการดำเนินงานที่มีความเข้มแข็งเพื่อผลักดันความสามารถของเราในการพัฒนาและสร้างผลิตภัณฑ์ที่ดีขึ้น ด้วยคุณภาพ นวัตกรรม และการส่งมอบผลิตภัณฑ์ใหม่ในอนาคต”

นอกจากนี้ เรายังได้ทำการเปลี่ยนกลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ กลยุทธ์การพัฒนาจัดการผลิตภัณฑ์ และโครงสร้างองค์กร ซึ่งนั่นคือการวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาในระยะยาวของบริษัท

ในธุรกิจสมาร์ตโฟนของเราได้ทำการเปิดตัวกลยุทธ์ dual brand strategy หรือกลยุทธ์แบรนด์คู่อย่างเป็นทางการ โดยได้ทำการแยกแบรนด์สมาร์ตโฟน Redmi จาก Xiaomi และมีการดำเนินงานที่เป็นอิสระต่อกัน ทำให้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในปีที่ผ่านมาจนสามารถครองอันดับ 4 ของโลกในการจัดส่งสมาร์ตโฟนทั่วโลกได้

“ด้วยความรอบคอบของเรา ช่วยให้เราสามารถทำตามเป้าสำหรับการจัดการสินค้าคงคลังได้ดีเยี่ยม สิ่งเหล่านี้ทำให้เราสร้างความแตกต่างจากอุตสาหกรรม และทำให้เราสามารถเข้าสู่ยุค 5G โดยปราศจากภาระอันยุ่งยาก”

ในปี 2019 เป็นปีที่สำคัญสำหรับการขยายตัวและเติบโตไปทั่วโลกของเสียวหมี่ ในปัจจุบันรายได้จากตลาดต่างประเทศคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้รวมทั้งหมด

“เสียวหมี่ในเวลานี้เป็นผู้นำเทคโนโลยีระดับโลก ธุรกิจอินเทอร์เน็ตของเรามีความหลากหลายมากขึ้น และธุรกิจ AIoT ของเรายังคงครองความเป็นผู้นำระดับโลก ปัจจุบันเสียวหมี่ เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรมว่าเป็นผู้นำ AIoT หรืออุปกรณ์และเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่แท้จริง”

ปี 2019 นอกจาก เสียวหมี่จะมีรายชื่อติดอยู่ใน Fortune Global 500 เป็นครั้งแรกในฐานะบริษัทที่มีอายุการก่อตั้งและมีอายุในการดำเนินกิจการน้อยที่สุดจนติดอันดับบริษัทที่ประสบความสำเร็จใน Fortune Global 500 ได้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือการวางรากฐานการจัดการองค์กรที่แข็งแกร่ง โดยดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างองค์กร และปรับเปลี่ยนหมุนเวียนผู้บริหารระดับสูงเพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม

และยังส่งเสริมและให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ความสามารถ โดยผ่านกระบวนการคัดสรรและคัดเลือกผู้ที่มีความสามารถ โดยเริ่มต้นจากการเข้าร่วมโปรเเกรมฝึกฝนของมหาวิทยาลัยชิงเหอ และเหล่าผู้มีความรู้ความสามารถเหล่านี้จะเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนในการเติบโตระยะยาวของเสียวหมี่

ผู้ก่อตั้ง และประธานกรรมการ “เสียวหมี่” กล่าวว่า “ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อเพื่อนร่วมงานของเสียวหมี่ทุกคน ขอบคุณสำหรับความกล้าหาญ ความอดทน และความทุ่มเทของคุณ พวกคุณทุกคนทำงานหนักมาก ผมขอขอบคุณสมาชิกทุกคนในครอบครัวของคุณและคนที่คุณรัก ขอขอบคุณอย่างจริงใจสำหรับความเข้าใจและแรงสนับสนุนที่พวกเขามีให้กับเรา และสำหรับปี 2020 นี้ จะเป็นปีแห่งความก้าวหน้าสำหรับธุรกิจ 5G และเป็นปีที่สำคัญที่จะผลักดันกลยุทธ์ สมาร์ตโฟน และ AIoT อย่างต่อเนื่องต่อไป”

“ปีนี้เราจะให้ความสำคัญในการวางกลยุทธ์ของการผสมผสานระหว่าง 5G + AI + IoT และซุปเปอร์อินเทอร์เน็ตในยุคต่อไป ซึ่ง 5G ไม่ได้หมายถึงเครือข่ายสมาร์ตโฟนที่เร็วขึ้นเท่านั้น แต่การนำเอาความสามารถของ 5G และการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อัจฉริยะอย่าง AIoT เป็นการแสดงถึงความสามารถของเสียวหมี่ ในการพัฒนาและให้บริการผ่านผลิตภัณฑ์และบริการคุณภาพที่ครอบคลุมของเรา มันทำให้เรามีโอกาสที่จะนำเสนอการใช้งานที่เชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์อัจฉริยะ AIoT อันเป็นจุดเด่นของเสียวหมี่และเราเป็นผู้บุกเบิก”

เมื่อต้นปี 2019 เสียวหมี่ได้พูดคุยเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งหมดทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและการลงทุนใน AIoT โดยวางแผนลงทุนกว่า 10,000 ล้านหยวน (หรือประมาณ 1.43 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในอีก 5 ปีข้างหน้า หลังจากหนึ่งปีที่ได้ดำเนินการและวางแผนกันมา พบว่าจะเพิ่มการลงทุนในส่วนนี้มากขึ้น โดยจะลงทุนอย่างน้อย 50,000 ล้านหยวน (ประมาณ 7.18 พันล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วง 5 ปีของการทำ 5G + AIoT เพื่อเพิ่มศักยภาพความเป็นผู้นำในการแข่งขันนี้

“สำหรับวันทำงานวันแรกของปีใหม่นี้ ผมนำข่าวดีมาให้เราสองเรื่อง เรื่องแรกคือ ทีม Mi TV ของเรา ได้ฉลองยอดการจัดส่งสินค้าเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีน (และยังติด Top 5 ของโลก) ถือเป็นความสำเร็จเป็นประวัติการณ์โดยเป็นแบรนด์สมาร์ตทีวีแบรนด์แรกที่มีการจัดส่งมากกว่า 10 ล้านเครื่องต่อปีในประเทศจีน เรื่องที่สองคือ นายฉาง เฉิง เพิ่งเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งในครอบครัวใหญ่ของเรา โดยนายฉาง เฉิง เป็นผู้ที่มีประสบการณ์อย่างมากและหาตัวจับยากในด้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะทำหน้าที่เป็นรองประธานกรรมการของเสียวหมี่กรุ๊ป รับผิดชอบในส่วนงานผลิตภัณฑ์สมาร์ตโฟน”

นอกจากนี้ ผมขอให้เพื่อนร่วมงานของเสียวหมี่ทุกคนจดจำและนำหลักการ 5 ประการมาใช้ ประการแรกเราจะต้องทำความรู้จักผู้ใช้งานของเราและเป็นเพื่อนกับผู้ใช้งานของเรา ประการถัดมาคือการสานต่อในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ โดยนำเสนอราคาที่ดีที่สุดที่มาพร้อมกับฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพให้กับผู้ใช้งานของเรา ถัดมาคือการจัดลำดับความสำคัญของนวัตกรรมทางเทคโนโลยี และสุดท้ายคือการทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพที่ดีที่สุดให้กับผู้ใช้งานทุกคน

“เราจะฉลองวันครบรอบ 10 ปี ของการก่อตั้งของเสียวหมี่ในเดือนเมษายนนี้กับเพื่อนร่วมงานเสียวหมี่ทุกคน ที่ช่วยเหลือและทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้เรามาโดยตลอด รวมทั้ง Mi Fan ที่คอยสนับสนุนเรามาอย่างต่อเนื่อง เราต้องระลึกไว้เสมอถึงความจริงตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้ว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ด้วยแรงสนับสนุนของพนักงาน Mi Fan และผู้ใช้งานทุกคน เสียวหมี่ยังคงเป็นบริษัทรุ่นใหม่ เรามาถึงจุดนี้ได้เพราะความฝันของเรา และเราจะมีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน เพราะเรายังคงมีฝันที่จะทำมันให้ได้อย่างต่อเนื่อง”