ผู้สื่อข่าว ‘ประชาชาติธุรกิจ’ รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2562 สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สดช. ภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม จัดประชุมสัมมนาวิชาการ “เศรษฐกิจไทยในยุค Disruptive Technology : พลิกความปั่นป่วนเป็นโอกาส” ภายใต้โครงการวิเคราะห์วิจัยผลกระทบ การเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับ Disruptive Technology ในบริบทเศรษฐกิจและสังคมไทย และสถานการณ์การพัฒนาดิจิทัลในอนาคต โดยเป็นโครงการวิเคราะห์วิจัยที่ สดช. ได้จัดทำร่วมกับ มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI)
การจัดประชุมสัมมนาวิชาการในครั้งนี้นั้นเป็นไปเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความความคิดเห็น เพื่อให้องค์กรต่างๆ สามารถตอบสนองความต้องการต่อตลาดและผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เท่าทันต่อการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล โดยทางโครงการวิเคราะห์วิจัย ได้ดำเนินการศึกษา การรับมือกับผลกระทบของ Disruptive Technology ในบริบทของประเทศไทย ทั้งในภาพรวมและในรายกลุ่มกุรกิจ ซึ่งในเบื้องต้นได้ดำเนินการศึกษาทั้งหมด 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1) อุตสาหกรรมการผลิต 2) การแพทย์และสุขภาพ 3) ภาคการเกษตร 4) อุตสาหกรรมสื่อ 5) การค้าปลีก 6) บริการโรงแรม และ 7) บริการขนส่งผู้โดยสาร
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- “ทอง” รับข่าวร้ายดันราคาขาขึ้น บาทอ่อนค่าจ่อทะลุ 37 บาท
- แห่ขายที่ดินพ่วงโรงงาน เอกชนถอดใจ-สินค้าจีนตีตลาด
นายธีรวุฒิ ธงภักดิ์ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนดิจิทัลเพื่อสังคม กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็น Big Data AI Robotic และ 3D Printing ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งด้านบวกและด้านลบต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย ทำให้ทุกภาคส่วนทุกองค์กรต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของตนเองให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงนี้
“รัฐบาลเอง ก็มีนโยบายในการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการขับเคลื่อน การปฏิรูปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับประเทศ ทั้งยังรองรับประเด็นผลกระทบของ Disruptive Technology ในบริบทของประเทศไทย สดช. ได้เตรียมการทั้งในด้านนโยบายและแผน โครงสร้างพื้นฐาน และกฎหมายด้านดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็น นโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (พ.ศ. 2561 – 2580) , การดูแลการเข้ามาในเรื่องของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สาย 5G , พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ร.บ. 2562 เป็นต้น รวมทั้งมีการวางแนวทางพัฒนากำลังคนดิจิทัล เพื่อพัฒนาทักษะด้านดิจิทัลพื้นฐานสำหรับประชาชนด้วย” นายธีรวุฒิ กล่าว
อีกทั้ง การจัดประชุมสัมมนาวิชาการในครั้งนี้ มีผู้แทนจากหน่วยงานที่มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากหลายภาคส่วน ได้แก่ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย , สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย , สำนักงานกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ , บริษัท เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) , บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด และสหกรณ์แท็กซี่สยาม