ปั้นสินค้าโดดเด่น-แตกต่าง ประตูสู่ “เถาเป่า โกลบอล”

เถาเป่า โกลบอล (Taobao Global) มาร์เก็ตเพลซในเครืออาลีบาบา (Alibaba) เพิ่งเปิดตัวโครงการ “แมคเจลแลน” จัดทัวร์พาบายเออร์ในแพลตฟอร์มตระเวนแหล่งผลิตสินค้า โดยเลือกประเทศไทยเป็นแห่งแรก จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้พูดคุยกับ “เหยา เหว่ย” ผู้อำนวยการเถาเป่า โกลบอล ถึงหลากหลายแง่มุมเกี่ยวกับอีคอมเมิร์ซไทย


Q : สินค้าไทยยังมีโอกาสโต

สินค้าไทยในจีนมีการเติบโตสูงมาก เนื่องจากประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของคนจีน ทำให้มีนักท่องเที่ยวจีนหลายกลุ่มที่มาท่องเที่ยวในไทยแล้วซื้อผลิตภัณฑ์ของไทยติดกลับบ้านไป ทำให้เป็นอีกแรงโปรโมตที่ทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักของคนจีน ขณะเดียวกันสินค้าไทยในสายตาคนจีน คือ สินค้าที่มีคุณภาพ มีความเป็นธรรมชาติ มีความ real ในตัวเอง ทั้งยังมีนโยบายรักษ์สิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นที่นิยมของผู้บริโภคจีน รวมถึงมีนโยบายของภาครัฐเข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้สินค้าไทยในตลาดจีนยังมีอนาคตเติบโตได้อีกมาก

Q : รัฐบาลส่งเสริมมาก แต่ยังไม่บูม

คงบอกสาเหตุได้ยาก ขึ้นอยู่กับแต่ละผู้ประกอบการ แต่การจะเข้าสู่ตลาดจีนได้สำเร็จขึ้นอยู่กับตัวผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่น นโยบายของบริษัท ที่สำคัญ คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจของผู้ประกอบการ เถาเป่าพร้อมจะร่วมมือกับทุกคนที่มีความมุ่งมั่นและความพร้อม

โครงการแมคเจลแลนที่เปิดตัวขึ้นก็เพื่อป่าวประกาศให้ผู้ผลิตชาวไทยรับรู้ว่า เถาเป่าพร้อมช่วยให้นำสินค้าไทยสู่ตลาดจีน เพียงแต่การติดต่อเข้าโดยตรงอาจจะไม่สะดวกนัก

สำหรับผู้ประกอบการไทย ควรจะต้องเข้าไปหารือกับพันธมิตรที่เป็นตัวแทนของเถาเป่า รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐ อาทิ Thailand Zonet Buyers Development Alliance ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่ายในการโปรโมต แต่ถ้ามีการขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม อาทิ การทำแผนตลาด แผนโปรโมตให้ด้วยก็อาจจะมีค่าใช้จ่ายเล็กน้อย

Q : โอกาสทางธุรกิจในเถาเป่า

เถาเป่าถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Alibaba group ในการจะเป็นช่องทางทำให้ผู้บริโภคจีนมีโอกาสในการซื้อสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งมีผู้บริโภคที่ใช้งานมากกว่า 100 ล้านคน ปีนี้น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 120 ล้านคน มียอดซื้อขายออนไลน์เกิน 100,000 ล้านหยวน มีแบรนด์ต่างประเทศเข้าร่วมมากกว่า 120,000 แบรนด์ จาก90 ประเทศทั่วโลก มีผู้นำเข้าสินค้ากว่า 50,000 ราย ที่มีความเข้าใจในไลฟ์สไตล์สากล

โดยแบรนด์ไทยที่ขายดีบนเถาเป่า ได้แก่ RoyalLatex, Ventry ซึ่งเป็นเครื่องนอนยางพารา อันดับ 3 คือ มิสทิน เครื่องสำอาง ตามด้วย Atreus และ Giffarine จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ขายดีจะเป็นเครื่องนอน เฟอร์นิเจอร์ของแต่งบ้าน ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว น้ำมันหอมระเหย

Q : ตลาดที่มีกำลังซื้อมากที่สุด

50% ของผู้ใช้เถาเป่า เกิดหลังปี ค.ศ. 1990 มีความเป็นตัวของตัวเอง ชอบแบรนด์ใหม่ ๆ ไม่ตามใคร ติดตามอินฟลูเอนเซอร์ ไลฟ์สตรีมมิ่งของผู้มีชื่อเสียงทางออนไลน์ ทำให้ผู้ประกอบการจะต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบการเข้าถึงผู้บริโภค และต้องใช้ดาต้าในการวิเคราะห์พฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกัน จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญของผู้ให้บริการ เพราะการเข้าถึงบริการที่ง่ายขึ้นช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาด ทำให้มีทางเลือกสินค้าที่มากขึ้นกลุ่มนี้จะมีการจับจ่ายอยู่ราว 10,000 หยวนต่อคนต่อปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้ากลุ่มเครื่องสำอางที่นิยมมากแต่ตลาดของเถาเป่าเปิดกว้างอิสระมาก ผู้บริโภคหลากหลายมาก จึงบอกได้ยากว่า เขาต้องการสินค้าใดเพิ่มขึ้นอีก

Q : สินค้าที่มาแรง

กลุ่มเครื่องสำอาง กระเป๋า เคสมือถือเเละเครื่องประดับ แต่จะต้องเป็นสินค้าที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่น เป็นที่รู้จักในสื่อ คนดัง ส่วนสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมมากก็คือ เครื่องนอน เครื่องสำอาง อาหาร แม้จะเปิดเผยไม่ได้ว่ามีสินค้าไทยขายได้เท่าไรต่อปี แต่ยืนยันได้ว่า อยู่ในกลุ่ม TOP ของเถาเป่า

Q : Buyer ในไทยก็ยังเป็นคนจีน

เถาเป่ายังมีข้อจำกัดในการเปิดร้านค้าที่ต้องเป็นคนจีนเท่านั้น แต่ในอนาคตกำลังเร่งทำงานเพื่อจะเปิดเสรีให้คนต่างชาติเข้ามาเปิดร้านค้าบนเถาเป่าได้ด้วย คงได้เห็นเร็ว ๆ นี้ ตอนนี้คนไทย คนต่างชาติ จะขายสินค้าก็ยังแนะนำให้ผ่านช่องทางพาร์ตเนอร์ของเถาเป่าก่อน

Q : เตรียมตัวก่อนเข้าเถาเป่า

ผู้ประกอบการต้องมีความตั้งใจ เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เกิดความสำเร็จได้ การจะประสบความสำเร็จบนเถาเป่า สินค้าต้องมีความโดดเด่น ความแตกต่าง มีคุณภาพ ซึ่งต้องใช้ความตั้งใจมากในการพัฒนา

Q : มีแผนจะมาเปิดบริษัทในไทย

คงยังไม่สามารถตอบได้ แต่หลัก ๆ จะมุ่งทำงานร่วมกันกับพาร์ตเนอร์ของเราในไทยมากกว่า

Q : สถานการณ์การแข่งขันอีคอมเมิร์ซ

งานหลักของเถาเป่า คือ การช่วย SMEs เป็นหลัก เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์เล็ก ๆ มีโอกาสได้เติบโต ซึ่งสถานการณ์ในปีนี้เชื่อว่า การเชื่อมต่อของเทคโนโลยีกับการคอนเน็กต์ไปสู่อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จะมีมากขึ้น จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้อีคอมเมิร์ซเติบโตขึ้นไปได้อีก ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ประกอบการไทยจะคว้าโอกาสนี้ไว้ รวมถึงภาครัฐที่จะช่วยสนับสนุน ร่วมแรงร่วมใจกันผลักดันให้สินค้าไทยไปสู่มือของผู้บริโภคจีนได้มากขึ้น และง่ายขึ้น


ในฝั่งเถาเป่าเองก็จะช่วยโปรโมตให้ลงรายละเอียดมากขึ้น เพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักผลิตภัณฑ์ในเชิงลึกมากขึ้น ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ ของเถาเป่า อาทิ Live โดยอินฟลูเอนเซอร์ โครงการแมคเจลแลน เราจะช่วยกระตุ้นการบริโภคให้มากขึ้น ซึ่งเถาเป่าก็ร่วมมือกับรัฐบาลไทยให้มากขึ้นด้วย