AI การแพทย์ฉุกเฉิน เทคโนโลยีลดการสูญเสียฝีมือ สจล.

เมื่อเกิดเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุ ทุกนาทีมีค่ากับทุกชีวิตที่อยู่ในสถานการณ์นั้น ความรวดเร็วฉับไวในการได้ข้อมูลที่รอบด้านย่อมมีค่า ล่าสุดในโอกาสครบรอบ 60 ปี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ได้ตอกย้ำจุดแข็งของสถาบันในการเป็น “รากฐานนวัตกรรม” ของประเทศไทย ด้วยโครงการวิจัย “นวัตกรรมระบบ AI สำหรับการคัดกรองโรคและการประยุกต์ใช้สำหรับการแพทย์ฉุกเฉิน” (AI Assistive Platform for Emergency Medical Services : AIEMS) โดยคณะแพทยศาสตร์ สจล. ที่ทำให้เห็นว่าการใช้เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ มาใช้ในการแพทย์ไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมของคนไทย

“ศ.นพ.อนันต์ ศรีเกียรติขจร” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวว่า AIEMS จะประมวลผลเป็นอัลกอริทึม (กระบวนการแก้ปัญหาที่สามารถอธิบายออกมาเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน) ซึ่งจะแปลงสัญญาณเสียงพูดหรือความรู้สึกมาเป็นตัวอักษร เพื่อประเมินความเสี่ยงหรือความรุนแรง และส่งต่อไปยังศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อจัดเตรียมรถฉุกเฉินไปรับผู้ป่วยในเวลาอันรวดเร็วทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้คนได้

“ข้อมูลที่สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติได้เปิดเผยสถิติในขั้นตอนของการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตจากจุดเกิดเหตุเพื่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลพบว่ายังเป็นไปอย่างล่าช้า ทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตต้องเสียชีวิต ช่วงก่อนถึงโรงพยาบาลมากกว่าร้อยละ 20 และสถิติปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนของไทย”

ทั้งที่ผ่านมา ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉินต่าง ๆ ประสบปัญหาจากการโทรศัพท์เข้ามาก่อกวน ทำให้ไม่สามารถให้บริการผู้ป่วยจริงได้อย่างทั่วถึง โดยเจ้าหน้าที่ 6 คน สามารถรับโทรศัพท์ได้เพียง 1,500 สายต่อวันเท่านั้น

“ด้วยข้อจำกัดของเวลาเพราะต้องสอบถามประวัติและข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงประสานงานรถฉุกเฉินที่อยู่ใกล้ที่สุดเพื่อไปรับผู้ป่วย ณ ที่เกิดเหตุให้เร็วที่สุด โดยการแพทย์ฉุกเฉินสากลได้กำหนดไว้ว่ารถฉุกเฉินต้องไปถึงผู้ป่วยภายใน 8 นาที นับตั้งแต่เวลาที่มีการรับสายแจ้งเหตุ จนกระทั่งทีมแพทย์ฉุกเฉินเดินทางไปถึงผู้ป่วย ซึ่งแต่ละปีมีการสูญเสียชีวิตมากกว่า 3 แสนคน เนื่องมาจากปัญหาความล่าช้าในกระบวนการรอคอย และการจราจรที่ติดขัดบนท้องถนน”

ด้าน “ดร.เกรียงศักดิ์ ขาวเนียม” ผู้จัดการโครงการวิจัย AIEMS และอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ สจล. กล่าวว่า AIEMS ที่พัฒนาขึ้นมาสามารถลดเวลาในขั้นตอนการคัดกรองอาการผู้ป่วยที่เป็นข้อมูลสำคัญในการเลือกชนิดของรถฉุกเฉินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดอัตราการสูญเสียอันเกิดจากการเสียชีวิตระหว่างการเดินทางไปโรงพยาบาล

โดยเป็นแพลตฟอร์มที่ต่อยอดมาจากโครงการระบบไฟจราจรอัจฉริยะสำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (iAmbulance) ที่ได้รับรางวัลจากการประกวดนวัตกรรมระดับโลกต่าง ๆ ได้แก่ รางวัลเหรียญทองแดง และรางวัล Special Prize จากประเทศเกาหลี ในงานแสดงนวัตกรรม Geneva Innovation และรางวัล Special Prize จากประเทศโรมาเนีย ในงานวันนักประดิษฐ์ ที่จัดโดยสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.)

“AIEMS จะประมวลอาการและคัดกรองผู้ป่วย ด้วยการแปลงสัญญาณจากสัญญาณเสียงพูดเป็นตัวอักษร แทนการให้เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินเป็นผู้จดประวัติหรือสอบถามอาการเบื้องต้นซึ่งจะลดเวลาในขั้นตอนนี้เหลือแค่ 1-3 นาทีเท่านั้น จากปกติที่ต้องใช้เวลา 3-5 นาที จากนั้นระบบ AIEMS จะนำส่งข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่รถฉุกเฉิน เพื่อจัดเตรียมรถฉุกเฉินที่อยู่ใกล้และเลือกรถฉุกเฉินที่เหมาะกับอาการของผู้ป่วย พร้อมกับนำส่งข้อมูลให้กับโรงพยาบาลปลายทาง เพื่อเตรียมความพร้อมในด้านบุคลากรและเครื่องมือทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วย”

ปัจจุบันระบบ AIEMS สามารถคัดกรองและประมวลผล 25 กลุ่มอาการโรคฉุกเฉิน ได้แก่

1.ปวดท้องบริเวณหลัง เชิงกราน และขาหนีบ 2.แพ้ยา แพ้อาหาร แพ้สัตว์ต่อย แอนาฟิแล็กซิสปฏิกิริยาภูมิแพ้ 3.สัตว์กัด 4.เลือดออกโดยไม่ได้มีสาเหตุมาจากการบาดเจ็บ 5.หายใจลำบาก หายใจติดขัด 6.หัวใจหยุดเต้น 7.เจ็บแน่นทรวงอก หัวใจ มีปัญหาทางด้านหัวใจ 8.สำลัก อุดกั้นทางเดินหายใจ 9.เบาหวาน 10.ภาวะฉุกเฉินเหตุสิ่งแวดล้อม 11.ปวดศีรษะ ภาวะผิดปกติทางตา หู คอ จมูก 12.คลุ้มคลั่ง ภาวะทางจิตประสาท อารมณ์ 13.พิษ รับยาเกินขนาด 14.มีครรภ์ คลอด นรีเวช 15.ชัก มีสัญญาณบอกเหตุการชัก 16.ป่วย อ่อนเพลีย อัมพาตเรื้อรัง ไม่ทราบสาเหตุจำเพาะ 17.อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง สูญเสียความรู้สึก ยืนหรือเดินไม่ได้เฉียบพลัน 18.ไม่รู้สติ ไม่ตอบสนอง หมดสติชั่ววูบ 19.เด็ก กุมารเวช 20.ถูกทำร้าย 21.ไหม้ ลวกเหตุความร้อน สารเคมี ไฟฟ้าชอร์ต 22.ตกน้ำ จมน้ำ บาดเจ็บทางน้ำ 23.พลัดตกหกล้ม อุบัติเหตุ เจ็บปวด 24.อุบัติเหตุยานยนต์ และ 25.อื่น ๆ นอกจากนี้ ระบบดังกล่าวยังสามารถประยุกต์ใช้กับการคัดกรองและประมวลผลโรคทั่วไปได้ อาทิ โรคเบาหวาน ปวดหัว และเป็นไข้ เป็นต้น

ทั้งนี้ ระบบ AIEMS จะนำร่องทดลองใช้ในจังหวัดสระแก้วเป็นแห่งแรก ซึ่งได้รับความร่วมมือจากนายทรงยศ เทียนทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว โดยนำระบบดังกล่าวไปติดตั้งภายในศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการการแพทย์ฉุกเฉินจังหวัดสระแก้ว ควบคู่กับการนำระบบไฟจราจรอัจฉริยะสำหรับบริการการแพทย์ฉุกเฉิน (iAmbulance) ที่ถูกนำไปติดตั้งทางร่วมทางแยกกว่า 20-30 แห่งทั่วจังหวัด เพื่อใช้เป็นโมเดลต้นแบบให้กับจังหวัดอื่น ๆ และผลักดันให้เกิดการใช้งานจริงในประเทศไทย

และในอนาคตอันใกล้นี้ ทาง สจล.จะร่วมมือกับศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) เพื่อติดตั้งระบบ AIEMS มาใช้กับรถฉุกเฉินในสังกัด กทม. ที่ปัจจุบันมีอยู่ 200 คันในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน และคาดว่าจะได้ข้อสรุปในลำดับต่อไป โดยเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการสนับสนุนด้านข้อมูลและเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้แก่ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ศูนย์บริการการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) องค์การบริหารส่วนจังหวัดสระแก้ว และโรงพยาบาลมะเร็งอุดรธานี โดยใช้ระยะเวลาในการศึกษาและวิจัยโครงการนี้นานกว่า 6 เดือน ภายใต้งบประมาณการสนับสนุนจากหลายภาคส่วน

นอกจากนี้ ยังร่วมกันพัฒนา AIEMS ในเรื่องการแปลงสัญญาณเสียงพูดภาษาท้องถิ่น เช่น ภาษาอีสานภาษาใต้ ภาษาเหนือ ให้เป็นตัวอักษร รวมถึงภาษาอังกฤษและภาษาประเทศเพื่อนบ้าน อย่างลาว และพม่า เพื่อผลักดันให้บรรลุเป้าหมายเป็นแพลตฟอร์มระดับโลก และเกิดการใช้งานจริงอย่างแพร่หลาย