ยกระดับสู่ความโปร่งใส Ztrus ดึง AI ช่วยงานบัญชี

นับวันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ AI ในประเทศไทยก็เริ่มจับต้องได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เว้นแม้แต่ “งานด้านบัญชี” ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกบริษัทจะต้องทำ ซึ่ง 95% ของบริษัทต่าง ๆ เอาต์ซอร์ซให้สำนักงานบัญชีเป็นผู้จัดการ โดยประเมินว่ามีมูลค่าตลาดการทำบัญชีต่อปีอยู่ที่ราว 3.6 หมื่นล้านบาท

ล่าสุดมีสตาร์ตอัพไทย “Ztrus” เปิดให้บริการแพลตฟอร์มการทำบัญชีที่ใช้ AI เป็นจุดเด่น แม้จะเพิ่งเปิดตัวเมื่อ มี.ค.ปีที่แล้ว แต่ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ “ดร.พณชิต กิตติปัญญางาม” คร่ำหวอดมานานในวงการเทคโนโลยี

“ซอฟต์แวร์บัญชีของ Ztrus ใช้ฟรี แต่เราขายบริการให้นักบัญชี work flow ของงานบัญชีที่เร็วขึ้น ได้คุณภาพงานที่ดีขึ้น เพราะตลาดบัญชีจะมีคู่แข่ง คือ นักบัญชีที่คิดค่าทำบัญชีถูก ๆ แต่คุณภาพแย่ ขณะที่การทำบัญชีให้ถูกต้องมีต้นทุนสูง เทคโนโลยีช่วยลดต้นทุนการทำบัญชีที่ถูกต้องให้มีต้นทุนที่ลดลง และทำได้เร็วขึ้น”

ดร.พณชิตกล่าวและว่าความแตกต่างของ Ztrus กับซอฟต์แวร์บัญชีทั่วไป คือ ผู้ประกอบการที่ลูกค้าของสำนักงานบัญชีที่ใช้ระบบของ Ztrus จะแค่สแกนเอกสารแล้วอัพโหลดขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Ztrus (www.ztrus.com) จากนั้นด้วยเทคโนโลยีในระบบจะช่วยอ่านเอกสารและวิเคราะห์เพื่อลงบัญชี เดบิต เครดิตให้ ซึ่งมีความแม่นยำถึงกว่า 99% จากนั้นนักบัญชีสามารถสรุปออกงบการเงินได้ทันที

“เอกสาร 2 แสนทรานแซ็กชั่น ที่ต้องทำงบการเงินให้เสร็จภายใน 2 สัปดาห์ ด้วยคนถึง 6 คน ลดเหลือเพียง 2 คน และใช้เวลาแค่สัปดาห์เดียว ซึ่งจะทำให้นักบัญชีมีเวลาไปดูแลลูกค้ามากขึ้น”

หลังจากเริ่มเปิดให้บริการเมื่อ มี.ค. 2561 มีสำนักงานบัญชีอยู่ในระบบแล้ว 11 ราย ซึ่งทำบัญชีให้ลูกค้า SMEs 51 ราย คาดว่าภายในปีนี้จะมีลูกค้า SMEs 1,000 ราย ที่เข้ามาใช้บริการระบบ ส่วนโมเดลรายได้ Ztrus คิดค่าบริการ 15% ของค่าทำบัญชีที่สำนักงานบัญชีคิดจากลูกค้า แม้ว่าแพลตฟอร์มของ Ztrus จะไม่ใช่สำหรับคอนซูเมอร์ที่จะบูมได้ง่าย ๆ เหมือนสตาร์ตอัพรายอื่น แต่ซีอีโอของ Ztrus เลือกจะทำ เพราะ “ถ้าเราไม่เปลี่ยนไมนด์เซตประเทศก็จะเหนื่อย”

“ดิจิทัลควรนำมาซึ่งความโปร่งใส ความเชื่อถือกันได้ระหว่างรัฐ แต่ปัจจุบันรัฐก็มีมุมมองของรัฐ เอกชนก็มีมุมมองของเอกชน ต่างคนไม่เคยคุยกัน ถ้าเทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ทั้งคู่เห็นกันและกัน น่าจะช่วยเชื่อมกัน เพราะทุกคนต้องอยู่ด้วยกัน บัญชีกับความถูกต้องทางภาษีและเทคโนโลยีสามารถเข้ามาเชื่อมกันได้

แต่ถ้าเขียนโปรแกรมให้ทำบัญชีโปร่งใส ลูกค้าจะไม่วิ่งเข้ามาหา เพราะไม่เห็นความจำเป็นว่าจะต้องทำบัญชีให้โปร่งใสไปทำไม วัฏจักรปัจจุบันเป็นแบบนี้ จึงเป็น passion ที่จะต้องทำเพื่อประเทศ อาศัยเป็นพื้นที่ให้ภาครัฐและเอกชนเปิดใจให้หากัน”

ขณะเดียวกันยังเป็นเครื่องมือยกระดับอาชีพ เปิดมุมมองที่หลากหลายของอาชีพบัญชี

“เด็กที่เรียนบัญชีส่วนใหญ่ไม่มีทางเลือก หรือถูกบังคับ ถ้าเรามีเครื่องมือช่วยให้งานที่ต้องทำง่ายขึ้น ก็จะมีคนที่เรียนจบบัญชีหันมาทำงานในวงการมากขึ้น หรืออย่างน้อยก็สามารถทำเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ได้ เพราะการเรียนมาถึง 4 ปี เด็กมีคุณค่าในตัวอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นนักบัญชีก็ได้ แต่มีความรู้บัญชีขั้นต่ำในการทำธุรกิจ ทำอาชีพอื่น ๆ”


Ztrus จึงเข้าไปร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โรงเรียนพาณิชย์ เพื่อบ่มเพาะนักศึกษาให้เข้าใจการทำบัญชีที่ถูกต้อง การบริหารจัดการลูกค้าอย่างไร เพื่อให้จบมาทำงานได้อยู่บนระบบ Ztrus โดยตั้งเป้าจะสร้างราว 500 คน ภายใน 2 ปี เป็นการสร้างพฤติกรรมใหม่กับคนรุ่นใหม่