นายสุพจน์ ชินวีระพันธุ์ รักษาการหัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกลยุทธ์องค์กร บมจ.ไทยคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ได้เข้าร่วมประชุมกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อหาข้อยุติเกี่ยวกับปัญหาดาวเทียมไทยคม ซึ่งทางกระทรวงฯ ยืนยันว่า ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 เป็นดาวเทียมภายใต้สัมปทานระหว่างบริษัทกับกระทรวง แม้ว่าบริษัทจะได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการสำหรับดาวเทียมทั้ง 2 ดวงจากคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
“การประชุมครั้งนี้ก็ยังไม่ได้ข้อยุติ เพราะจุดยืนของไทยคมคือ ดาวเทียมดวง 7 และ 8 ตามกฎหมายอยู่ในระบบใบอนุญาตจาก กสทช. แล้ว ไม่ได้อยู่ในระบบสัมปทาน ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการตามเงื่อนไขครบเรียบร้อยแล้ว และในกระบวนการยิงดาวเทียมทั้ง 2 ดวง มีเอกสารยืนยันว่าทำอย่างถูกต้องตามขั้นตอนทุกอย่าง แต่กระทรวงยังยืนยันว่าเป็นดาวเทียมสัมปทาน และถ้าไม่สามารถหาข้อสรุปตรงนี้ได้ ก็จะยังไม่ให้ยิงดาวเทียมไทยคม 9”
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
ดังนั้น เมื่อยังหาข้อสรุปไม่ได้ จึงได้แจ้งกระทรวงว่า เพื่อให้บริษัทดำเนินการธุรกิจต่อได้ จึงเสนอแพ็คเกจเป็นข้อเสนอที่บริษัทจะเข้าไปบริหารจัดการบำรุงรักษาดาวเทียมไทยคม 4 ไทยคม 5 และไทยคม 6 รวมถึงสถานีฐานภาคพื้นดินให้ต่อเนื่องหลังสิ้นสุดสัมปทานในปี 2564 และจะจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนของไทยคม 7 ไทยคม 8 ซึ่งจะรวมถึงค่าเช่าวงโคจร ค่าใช้ทรัพย์สินของรัฐ เพิ่มเติมจากค่าธรรมเนียมใบอนุญาตที่ต้องจ่ายให้กับ กสทช. แม้จะไม่เท่ากับส่วนแบ่งรายได้ตามสัมปทานที่เดิมกำหนดไว้ที่ 22%
“บริษัทยื่นข้อเสนอเป็นโทเทิ่ล โซลูชั่นให้กับกระทรวง พร้อมทำหนังสือถึงรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลเพื่อให้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาร่วมกันถึงข้อเสนอนี้”
