แกร็บลุยปล่อยกู้-ประกันภัย ปั้นบิ๊กดาต้าเสริมอีโคซิสเต็ม

แกร็บต่อยอดข้อมูลมหาศาลในมือ สู่ธุรกิจใหม่ภายใต้ “แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป” เปิดประเดิม “ปล่อยกู้” พาร์ตเนอร์ ทั้งคนขับ-ร้านค้า ก่อนลุยต่อ “ประกันภัย” แต่ยังไม่สนดิจิทัลแบงกิ้ง-ที่ปรึกษาลงทุน

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการ แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดให้บริการ “แกร็บเพย์ วอลเล็ต” เมื่อปีที่ผ่านมา ได้เข้ามาเติมเต็มอีโคซิสเต็มของ “แกร็บ” ทั้งยังมียอดการใช้งานเพิ่มขึ้นถึง 7 เท่า ภายใน 6 เดือนแรกที่เปิดตัว ส่งผลให้ปริมาณธุรกรรมบนแอปพลิเคชั่นกว่าครึ่งหนึ่งเป็นการชำระเงินแบบไร้เงินสด เมื่อมาร่วมกับปริมาณข้อมูลมหาศาลทั้งในแง่พฤติกรรมการใช้งานภายในอีโคซิสเต็ม จึงกลายเป็นพื้นฐานสำคัญในการต่อยอดสู่ธุรกิจใหม่ ๆ โดยได้เริ่มธุรกิจสินเชื่อ เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้และพาร์ตเนอร์ทั้งผู้ขับรถและร้านค้าในระบบ ที่มีปัญหาในการเข้าถึงบริการทางการเงินแบบดั้งเดิม ซึ่งหลังจากเปิดทดลองให้บริการแล้วได้รับผลตอบรับอย่างดี จึงได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่

“สินเชื่อเงินสดผ่านแอป” แบบไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ในอัตราดอกเบี้ย 18% สำหรับการผ่อนชำระ 6 เดือน วงเงินสูงสุด 1 แสนบาท “บริการผ่อนชำระสินค้ารายวัน” คล้ายกับบริการผ่อนผ่านบัตรเครดิต ดอกเบี้ย 0% และ “สินเชื่อ SMEs” เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ อัตราดอกเบี้ย 15% สำหรับการผ่อนชำระ 6 เดือน วงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท

“ถือเป็นการให้บริการสินเชื่อดิจิทัลครบวงจรรายแรกในไทย ที่ไม่ต้องใช้เอกสาร แต่ใช้ข้อมูลจากพฤติกรรมบนแพลตฟอร์มของแกร็บ เช่น ประวัติการขับรถ และเรตติ้งจากผู้โดยสาร ซึ่งสะท้อนความสามารถในการชำระเงิน โดยมีจุดเด่นคือ ผ่อนคืนเป็นรายวัน และให้วงเงินกู้ที่เหมาะสมไม่เกินกำลัง จึงทำให้ 3 เดือนแรกจากที่ปล่อยสินเชื่อไปแล้ว 500 ล้านบาท จากผู้กู้ 20,000 ราย หนี้เสีย (NPL) ต่ำกว่า 2%”

ขณะเดียวกันได้เตรียมเงินทุนไว้ปล่อยสินเชื่อใหม่ในปีนี้ 3,000 ล้านบาท จากผู้กู้ 100,000 ครัวเรือน

“แม้ว่าแกร็บจะออกแบบแพลตฟอร์ม เพื่อใช้ในหลายประเทศ แต่การจะเปิดบริการใดบ้างนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพตลาดเป็นหลัก ฉะนั้นการที่แกร็บในสิงคโปร์ได้รับใบอนุญาตดิจิทัลแบงกิ้ง รวมถึงใบอนุญาตทำธุรกิจไมโครอินเวสต์เมนต์ แต่ในไทยยังไม่ได้มีแผนในเรื่องนี้ แต่ถ้าเป็นการให้ลูกค้าแกร็บใช้บริการก่อนแล้วค่อยจ่ายเงินทีหลัง แบบที่สิงคโปร์ทำ ก็เป็นเรื่องที่พิจารณาอยู่”