OTT รุมรักประเทศไทย ดัมพ์ราคาสู้-ผูกพันธมิตร

สถิติการใช้งานอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยที่พุ่งกระฉูด ยิ่งตามรายงาน Global Entertainment and Media Outlook 2019-2023 ของ PwC ระบุว่า มูลค่าการใช้จ่ายผ่านสื่อและบันเทิงในประเทศไทย จะเติบโตเฉลี่ยต่อปีในอีก 5 ปีข้างหน้า อยู่ที่ 5.05% โดยเฉพาะความต้องการเสพสื่อและบันเทิงแบบส่วนบุคคลจะยิ่งมากขึ้น ทั้งการเข้ามาของ 5G จะยิ่งทำให้ผู้บริโภคหันไปสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น

PwC คาดว่า บริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ต (over-the-top video : OTT video) จะเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด จากมูลค่าในปี 2561 ราว 2.81 พันล้านบาท จะโตมากกว่า 2 เท่าในปี 2566 เป็น 6.08 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตปีต่อปีที่ 16.64% จึงไม่น่าแปลกใจที่ผู้ให้บริการ OTT รายใหญ่ระดับโลกจะ “เอาใจ” ผู้บริโภคชาวไทยอย่างเต็มที่ รวมถึงเดินหน้าจับมือเป็นพันธมิตรกับธุรกิจรายใหญ่ในไทย

Netflix ดัมพ์ราคาเพิ่ม User

“แพทริก เฟลมมิ่ง” ผู้อำนวยการฝ่ายนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ เน็ตฟลิกซ์ เปิดเผยว่า ตลาดวิดีโอสตรีมมิ่งในเอเชียและในไทยถือเป็นตลาดใหญ่ และยังเติบโตได้อีกมาก เพราะยังมีสมาชิกน้อยเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ที่ผ่านมายอดผู้ใช้งานเน็ตฟลิกซ์ในภูมิภาคนี้เติบโตกว่า 50% เมื่อเทียบปีต่อปี

เน็ตฟลิกซ์จึงพยายามที่จะออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและพัฒนาคอนเทนต์ให้ตรงกับรสนิยมของผู้ใช้งานให้มากขึ้นด้วยการผลิตออริจินอลคอนเทนต์เรื่องใหม่ ๆ ทุกเดือน ซึ่งปีนี้จะยิ่งพิเศษมากขึ้นอีก

ล่าสุดเปิดตัวแพ็กเกจใหม่สำหรับใช้งานบนสมาร์ทโฟนและแท็บเลต ในราคา 99 บาทต่อเดือน รับชมคอนเทนต์ได้ทั้งหมดภายใต้ 1 ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน

“สมาชิกเน็ตฟลิกซ์ในประเทศไทยรับชมผ่านสมาร์ทโฟนสูงกว่าค่าเฉลี่ยใช้งานทั่วโลกถึง 2 เท่า ทั้ง 1 ใน 3 ของสมาชิกในไทยใช้ฟีเจอร์ดาวน์โหลดเน็ตฟลิกซ์เพื่อรับชมระหว่างเดินทาง ทำให้เห็นโอกาสที่จะเพิ่มทางเลือกในการเข้าถึงบริการของลูกค้าที่ต้องการรับชมผ่านสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียว”

โดยก่อนหน้านี้ เน็ตฟลิกซ์ได้เปิดตัวแพ็กเกจในรูปแบบนี้ที่อินเดีย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดี ในแต่ละตลาดมีอัตราการเพิ่มขึ้นของยอดสมาชิกผู้ใช้งานอย่างต่อเนื่องยิ่งในจังหวะนี้เป็นช่วงที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการออกจากบ้าน จึงยิ่งเป็นโอกาสที่ดีที่จะเปิดแพ็กเกจใหม่ เพื่อให้ผู้บริโภคที่ยังลังเลว่าจะสมัครใช้งานดีหรือไม่ ได้มีแรงจูงใจให้เริ่มใช้งาน หลังจากตอนนี้ไม่ได้เปิดให้ทดลองใช้ฟรีแล้ว

โดยแพ็กเกจนี้จะสามารถรับชมได้ทั้งผ่านโมบายอินเทอร์เน็ตและ WiFi ซึ่งที่ผ่านมาเน็ตฟลิกซ์ได้พัฒนาระบบสตรีมมิ่งที่ช่วยประหยัดการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันสามารถรับชมคอนเทนต์ได้ถึง 6 ชั่วโมงครึ่ง ด้วยการใช้ปริมาณดาต้าดาวน์โหลดเพียง 1GB

“แม้ว่าแพ็กเกจใหม่จะมีราคาแค่ 99 บาท แต่เน็ตฟลิกซ์ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นการประกาศสงครามราคาในตลาด เพราะไม่ได้เห็นว่าผู้ให้บริการรายอื่นเป็นคู่แข่ง เนื่องจากเป็นธรรมดาที่ผู้ใช้งานจะเป็นลูกค้ากับหลายเจ้า จึงเป็นการส่งเสริมตลาดให้เติบโต ไม่ใช่จะมาแทนที่กัน ที่สำคัญคือผู้บริโภคมีเวลาเยอะทั้งวันที่แต่ละแบรนด์จะดึงมาได้”

ผนึกพันธมิตรไทยบุกตลาด

ด้าน “สายใจ คีตสิน” รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า จากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดบรอดแบนด์ที่บริษัทลูกอย่าง “3BB” ให้บริการอยู่ ได้ทำให้บริษัทวางกลยุทธ์ในการต่อยอดธุรกิจสู่การเป็น “telecom media and entertainment” โดยล่าสุดได้จับมือกับยักษ์ใหญ่ด้านพรีเมี่ยมคอนเทนต์ระดับโลกอย่าง “HBO” ในรูปแบบเทลโก้เอ็กซ์คลูซีฟที่ 3BB จะเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายเดียวในไทยที่ได้สิทธิ์จาก HBO ตั้งแต่ 30 มี.ค. 2563 เป็นต้นไป ผ่านบริการ HBO GO ให้ลูกค้ารับชมผ่านสมาร์ทโฟน สมาร์ททีวี แท็บเลต

ด้วยการสมัครแพ็กเกจ “GIGATainment” ที่จะได้ทั้งคอนเทนต์และอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ เริ่มต้นที่ 629 บาท/เดือน ได้สปีดเน็ต 1 Gbps/100 Mbps หรือถ้าต้องการความแรงเต็มสปีด 1 เน็ตไฟเบอร์ความเร็ว 1 Gbps ทั้งดาวน์โหลดและอัพโหลด ก็จ่ายแค่ 1,239 บาท/เดือน และภายในไตรมาส 3 ปีนี้ ลูกค้าแพ็กเกจ GIGATainment จะได้รับชมช่อง HBO, HBO Family, HBO Hits, HBO Signature, Cinemax, Red by HBO ด้วย รวมถึงเตรียมเปิดตัว 3BB TV เต็มตัวในเดือน ก.ย.นี้

รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.จัสมินระบุว่า การร่วมเป็นพันธมิตรกับ HBO และ KT Telecom ซึ่งจะมาช่วยต่อยอดด้านไอพีทีวี จะช่วยให้บริษัทสามารถเดินตามเป้าหมายแผนระยะยาว 5 ปี (2563-2567) ที่จะมีรายได้กว่า 5 หมื่นล้านบาท มีลูกค้า 3BB เป็น 5 ล้านราย จากที่มีอยู่ 3.1 ล้านรายในปัจจุบัน และมีลูกค้า 3BB TV เป็น 3 ล้านราย

AIS PLAY PREMIUM

“อลิสแตร์ เดวิด จอห์นสตั้น” กรรมการผู้จัดการหน่วยธุรกิจพัฒนาธุรกิจใหม่ เอไอเอส เปิดเผยว่า ได้ผนึกกำลังกับผู้ให้บริการสตรีมมิ่งคอนเทนต์ อย่าง VIU ที่โดดเด่นเรื่องซีรีส์เกาหลี, HOOQ แหล่งรวมภาพยนตร์ชั้นนำจากฮอลลีวูด, beIN ช่องกีฬา, Discovery ช่องสารคดีดัง, Warner TV ฯลฯ ปรับโฉมแพ็กเกจของ AIS PLAY ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ความคุ้มค่าแก่สมาชิก รองรับเทรนด์การรับชมวิดีโอสตรีมมิ่งของคนไทยมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งเป็นการเพิ่มทางเลือกที่หลากหลาย ในแพ็กเกจ “PLAY PREMIUM” ราคาเพียง 199 บาท