พลิกวิกฤต COVID สู่โอกาส 4.0 เมื่อ “ดิจิทัล” จะเป็น New Normal

เมื่อโควิด-19 หมุนรอบตัว ขณะที่โลกธุรกิจและการศึกษาเป็นเรื่องที่หยุดไม่ได้ “work-learn” from home จึงเป็นทางออก

“ทรู คอร์ปอเรชั่น” ในฐานะผู้ให้บริการโทรคมนาคมแบบครบวงจร ไม่เพียงแต่จะออกแพ็กเกจพิเศษร่วมฝ่าวิกฤตโควิด-19 ถึง 30 เม.ย.นี้ ไม่ว่าจะเป็นเน็ตบ้าน 50 Mbps 199 บาท/เดือน 100 Mbps 299 บาท/เดือน หรือแพ็กเกจเน็ตพร้อมอุปกรณ์อย่าง iPad, Surface Go, Huawei 5G CPE Pro2 ราคาเริ่มต้น 8,990 บาท หรือซิมทรูมูฟ เอช แบบเติมเงิน เน็ตไม่อั้นด้วยสปีด 4 Mbps 3 เดือน ราคา 450 บาท

แต่ยังเปิดตัวแพลตฟอร์มใหม่ “TRUE VIRTUAL WORLD” ศูนย์รวมโซลูชั่นที่ครบวงจรที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการขององค์กรธุรกิจ ภาคการศึกษา รวมถึงไลฟ์สไตล์ของคนไทยให้ “work-learn” from home แบบฟรี ๆ ไม่ต้องไปจ่ายเงินใช้แพลตฟอร์มของต่างชาติ

“ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ และประธานกรรมการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในภาวะนี้ทุกคนต้องลงไม้ลงมือช่วยกันเพื่อให้ประเทศไทยผ่านวิกฤตการณ์ และสิ่งที่ทำขึ้นจะนำประเทศไทย อุตสาหกรรรมไทย ไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล และหวังไปกว่านั้นว่าจะช่วยทรานส์ฟอร์ม ปฏิรูประบบการศึกษาของประเทศไทย

“ผมเชื่อว่าในวิกฤตนี้มีโอกาสมหาศาล เมื่อทรูมีแอ็กเซสตัวนี้อยู่ในมือ หากไม่นำออกมาให้ทุกคนใช้เป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะทุกคนต้องการใช้ ซึ่งเดิมเป็นโซลูชั่นที่แยกต่างหากและมีการใช้งานจริงอยู่แล้ว แต่ใช้เฉพาะในองค์กรหรือบางส่วนที่ใช้กับโรงเรียนเน็ตประชารัฐก็นำมาประกอบร่างให้ใช้ได้สะดวกขึ้น เราใช้เวลาสั้นมาก ๆ ประมาณ 2 สัปดาห์ในการต่อตัวแพลตฟอร์มนี้”

ไวรัสโควิด-19 จะเป็นตัวผลักดันให้เกิดเศรษฐกิจดิจิทัลเร็วขึ้น ทำให้เกิดการทรานส์ฟอร์มเร็วขึ้น ต่อไปวิถีชีวิตของการทำงาน การเรียนหนังสือจะเป็นอิสระ แต่ถูกเชื่อมโยงด้วยดิจิทัลแม้ตอนนี้จะไม่คุ้นเคย แต่ต่อไปจะเป็น “new normal” เป็นสิ่งใหม่ที่จะกลายเป็นวิถีปกติ

“ไม่มีเวลาอื่นนอกจากเวลานี้ที่จะ enforce เรื่องนี้ ทำให้เป็นจังหวะที่จะ digitize องค์กร ทำให้องค์กรขับเคลื่อนด้วยข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ทำให้เป็น 4.0 เป็นองค์กรที่ชาญฉลาด เราต้องทำวิกฤตให้เป็นโอกาสในการปฏิรูปองค์กร ปฏิรูปการศึกษา ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีคอมพิวติ้งทำให้ชีวิตดีขึ้น”

และในลำดับต่อไปจะมีการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อรองรับการให้บริการในภาวะฉุกเฉิน มีการเชื่อมต่อกับโรงพยาบาล และหาโซลูชั่นที่จะมารองรับหากเกิดการล็อกดาวน์มากขึ้นกว่านี้ และทำให้การออกไปพบแพทย์ทำได้ไม่สะดวก

ส่วนการดูแลเน็ตเวิร์กเพื่อรองรับภาวะวิกฤตที่ทำให้เกิดการให้ดาต้าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลนั้น ประธานกรรมการ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันว่า พร้อมดูแลเต็มที่ และเชื่อว่าแบนด์วิดท์ที่มีในทุกค่ายโทรคมนาคมที่มีในประเทศนี้ รวมถึง 5G ที่กำลังให้บริการอยู่ก็น่าจะเพียงพอ

“เพียงแต่ตอนนี้แพตเทิร์นการใช้เน็ตเวิร์กอาจจะเปลี่ยนไป จากที่กระจุกตัวในพื้นที่ศูนย์กลางเศรษฐกิจอาคารสำนักงาน ตอนนี้แบนด์วิดท์กลับไปกระจุกตัวในพื้นที่ที่พักอาศัยในช่วงเวลาที่ไม่เคยพีกก็อาจกลับมาพีกได้ จึงเป็นสิ่งที่โอเปอเรเตอร์ที่บริหารโครงข่ายต้องติดตามวัดผลเพื่อแก้ไขให้ทันท่วงที ซึ่งเป็นงานประจำที่ทำอยู่แล้ว


ฉะนั้น ณ เวลานี้ จะมองว่าเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจก็ใช่ แต่ก็เป็นโอกาสด้วย เป็นมิติที่ควรจะมองไปในทางบวกและปรับตัวให้ได้