
เลขาธิการ กสทช. ร่อนหนังสือเตือนค่ายมือถือ “เน็ตฟรี 10GB” ที่แจกประชาชน ไม่ลื่นปื๊ดไม่จ่ายเงิน! เช็กยอดล่าสุดใช้สิทธิ์แล้ว 11 ล้านเลขหมาย คาดจบโครงการ 30 เม.ย. ใช้สิทธิ์ไม่ถึง 20 ล้านคน น้อยกว่าที่ตั้งเป้า เหตุเป็นเบอร์ต่างชาติเยอะและมีแพ็กเกจเน็ตเกิน 10 GB ไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์
นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า สำนักงาน กสทช. จะมีหนังสือสั่งการไปยังค่ายมือถือทุกราย ย้ำการให้บริการเน็ตมือถือ 10 GB ที่ กสทช. สนับสนุนค่าบริการ ด้วยความเร็วสูงสุดตามที่แต่ละค่ายได้ตกลงไว้กับสำนักงาน กสทช. หากไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไข สำนักงาน กสทช. จะไม่จ่ายเงินค่าบริการในส่วนนี้
“ตามที่มีประชาชนผู้ใช้บริการส่วนหนึ่งร้องเรียนเข้ามาว่า เน็ตมือถือ 10 GB ที่กดรับสิทธิ์มา ความเร็วช้ากว่าแพ็คเกจเดิมที่เคยใช้อยู่มาก กสทช. ได้รับทราบและจะสั่งกำชับค่ายมือถือ โดยหากประสบปัญหาในการใช้งาน สามารถร้องเรียนมาได้ที่ Call Center สำนักงาน กสทช. โทร.ฟรี 1200 ”
ขณะที่ยอดผู้ใช้สิทธิ์เน็ตมือถือฟรี 10GB นั้น ณ วันที่ 14 เม.ย. 2563 มีจำนวน 11.007 ล้านเลขหมาย และผ่านการตรวจสอบและได้รับสิทธิ์แล้ว 10.541 ล้านเลขหมาย
“จากสถิติเฉลี่ยแล้วมีผู้ใช้สิทธิ์สูงสุดวันละไม่เกิน 5 แสนเลขหมาย ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ คาดการณ์ได้ว่า ถึงวันที่ 30 เม.ย. ซึ่งเป็นวันสุดท้ายในการกดรับสิทธิ์ น่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ไม่เกิน 20 ล้านเลขหมาย น้อยกว่าที่ได้คาดว่าจะมีผู้กดรับสิทธิ์ 35 ล้านเลขหมาย”
ส่วนสาเหตุที่มีผู้ใช้สิทธิ์ไม่มาก เนื่องจากในจำนวนเลขหมายที่จดทะเบียนทั้งหมด 127 ล้านเลขหมาย มีไม่ต่ำกว่า 20 ล้านเลขหมายที่เป็นการลงทะเบียนในนามของคนต่างชาติ ทั้งนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว ทั้งยังมีที่ลงทะเบียนในนามนิติบุคคล ส่วนราชการ ทั้งยังมีเบอร์ที่ซื้อจากตัวแทนจำหน่ายของค่ายมือถือ (ลูกตู้) ที่ลงทะเบียนซิมไว้โดยตัวแทนจำหน่าย หรือมีข้อผิดพลาดอื่น
นอกจากนี้ยังมีเลขหมายจำนวนมากที่มีแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตมากกว่า 10GB ที่ไม่เข้าข่ายได้รับสิทธิ์
“สำนักงาน กสทช. คาดหวังว่าดาต้าเน็ตมือถือ 10 GB และการอัพสปีดเน็ตบ้านเป็น 100 Mbps ฟรี 30 วัน ที่รัฐบาลและ กสทช. ดำเนินการ จะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการทางโทรคมนาคมที่เพียงพอ เพื่อสนับสนุนนโยบายการหยุดอยู่บ้าน ให้ประชาชนทำงานที่บ้านของรัฐบาล เพื่อหยุดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19”