“โควิด-19” ทุบยอดขายพีซีทั่วโลก เอเชีย-แปซิฟิก ร่วงหนัก 27.1%

การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้ “การ์ทเนอร์” บริษัทวิจัยระดับโลก ประเมินว่า ยอดขายของคอมพิวเตอร์พีซีทั่วโลกจะลดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2556

“มิคาโกะ คิตากาวะ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า การระบาดของไวรัสคือปัจจัยเดียวที่ส่งผลกระทบต่อการทรุดตัวของตลาดพีซีมากที่สุด ทำให้ทั้งอุปสงค์และอุปทานของตลาดพีซีหยุดชะงัก นับตั้งแต่ประเทศจีนเริ่มต้น มาตรการล็อกดาวน์เมื่อปลายเดือน ม.ค. ปริมาณการผลิตพีซีในเดือน ก.พ.ก็ลดลง ทั้งยังต้องเผชิญความท้าทายในด้านการขนส่ง

โดยภาพรวมยอดขายพีซีทั่วโลกไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 51.6 ล้านยูนิต ลดลง 12.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2562เมื่อเจาะเฉพาะในเอเชีย-แปซิฟิก พบว่า มีตัวเลขการลดลงต่ำที่สุดที่ 27.1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

ซึ่ง “จีน” คือตัวแปรสำคัญของการลดลง เนื่องจากกิจกรรมต่าง ๆ ของภาครัฐ ภาคธุรกิจแม้แต่ผู้บริโภคถูกระงับตั้งแต่ ก.พ. ทำให้การส่งมอบพีซีในประเทศจีนตกลงมากกว่า 30% โดยเฉพาะเดสก์ทอปพีซีที่เป็นสินค้าหลักของกลุ่มลูกค้าภาครัฐและภาคการศึกษาลดลงเกือบ 40% แต่ในส่วนของโมบายพีซี เช่น โน้ตบุ๊กลดลงน้อยกว่า 20% เนื่องจากฝั่งพนักงานและนักเรียนต้องการจำเป็นต้องใช้เพื่อ work-learn from home

“การล็อกดาวน์พื้นที่เพื่อป้องกันโคโรน่าไวรัสแพร่กระจาย ได้เกิดความต้องการพีซีในรูปแบบใหม่อย่างฉับพลัน ทั้งเพื่อรองรับการทำงานระยะไกลและเรียนผ่านระบบออนไลน์ ที่ผู้ผลิตพีซีคาดไม่ถึงมาก่อน”

ผลประกอบการของผู้ผลิตพีซีไตรมาสนี้เน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้การตัดสินใจใช้จ่ายด้านพีซีต้องเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ที่มุ่งจะเก็บรักษาเงินสดไว้แทนการซื้อเครื่องใหม่ รวมถึงโยกงบประมาณด้านไอทีไปใช้รับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดแทน แต่ในส่วนแบรนด์ที่มีมาร์เก็ตแชร์มากที่สุด 3 อันดับแรกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

ADVERTISMENT

โดย “เลอโนโว” ยังครองตำแหน่งที่ 1 ในตลาดพีซีทั่วโลก แต่มียอดขายสินค้าลดลง 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และถ้าเจาะเฉพาะในเอเชีย-แปซิฟิกจะลดลงถึง 22.6% ส่วน “เอชพี อิงค์” แม้ก่อนหน้านี้จะเติบโตติดต่อกัน 3 ไตรมาส แต่ล่าสุดมียอดขายลดลง 12.1% และมีอุปสรรคที่ยากที่สุดในการตีตลาดพีซีแบบตั้งโต๊ะในเอเชีย-แปซิฟิกและญี่ปุ่น

ขณะที่ “เดลล์” เป็นผู้ผลิตเพียงรายเดียวที่มียอดขายเติบโตเมื่อเทียบปีต่อปี โดยเพิ่มขึ้น 2.2% และถือเป็นไตรมาส 9 ที่เติบโตต่อเนื่อง ทั้งยังแข็งแกร่งในตลาดอเมริกา ยกเว้นในเอเชีย-แปซิฟิกที่ยอดขายไม่เติบโต

ADVERTISMENT