InVentโดดลงขัน “Ninja Van”สตาร์ตอัพโลจิสติกส์รับอีคอมเมิร์ซโตเดือด

จากรายงานของ e-Conomy SEA 2019 พบว่าจากปี 2558 ถึงปี 2562 ยอดขายของตลาด e-commerce เติบโตขึ้น 62% ส่วนยอดขายในไทยเติบโตขึ้น 54% ปัจจัยสำคัญมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาซื้อของผ่านออนไลน์มากขึ้น ส่งผลให้ยอดจัดส่งพัสดุโดยรวมมีแนวโน้มสูงขึ้นเป็นกว่า 4 ล้านชิ้นต่อวัน ทำให้ธุรกิจขนส่งพัสดุของไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องราว 6.6 หมื่นล้านบาท

อินเว้นท์ (InVent) โครงการธุรกิจร่วมลงทุน ภายใต้ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์  จึงได้ประกาศร่วมลงทุนกับ  “Ninja Van”  ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  หลังระดมทุนรอบ Series D  ได้เงินลงทุนกว่า 279 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 8,370 ล้านบาท   โดยในการระดมทุนในครั้งนี้นอกจาก InVent  ยังมีนักลงทุนชั้นนำอื่นๆ ร่วมทุนด้วย เช่น GeoPost SA และ Grab

 ดร.ณรงค์พนธ์ บุญทรงไพศาล หัวหน้าโครงการบริษัทร่วมทุนอินเว้นท์ บมจ. อินทัช โฮลดิ้งส์  กล่าวว่า นับเป็นก้าวสำคัญของอินเว้นท์ในการลงทุนด้านโลจิสติกส์ สอดรับกับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจ e-commerce ทั้งในไทย และต่างประเทศ ซึ่งนินจาแวนเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่เน้นการนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกขั้นตอนของการขนส่งให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว และช่วยในการขับเคลื่อนทางธุรกิจ

“อินเว้นท์ คาดหวังว่าการร่วมทุนในครั้งนี้ จะช่วยสนับสนุนการทำธุรกิจของผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) ให้สามารถขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยเพิ่มยอดขายได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19 ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ทำให้ผู้บริโภคปรับพฤติกรรมมาซื้อของผ่านออนไลน์กันมากขึ้น ซึ่งเป็น new normal ที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ และ e-commerce  ทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

สำหรับ “นินจาแวน” ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2557 โดย Lai Chang Wen ปัจจุบันให้บริการครอบคลุมใน 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งในประเทศไทยนั้น เริ่มเข้ามาให้บริการในปี 2559

“วีรชัย ชูสกุลพร” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นินจาแวน ประเทศไทย กล่าวว่า   นินจาแวน ในฐานะที่เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่มุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนนั้น หวังว่าการร่วมมือกันครั้งนี้จะช่วยในการพัฒนาบุคลากรของเราเพื่อรองรับตลาด e-commerce ที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งนําเสนอบริการขนส่งที่สะดวกสบายและเข้าถึงได้ง่าย ให้กับธุรกิจประเภทอื่นๆ เช่น SMEs ขนาดย่อมไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนทั่วภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะตลาดโลจิสติกส์ยังมีอีกหลายจุดที่สามารถใช้ระบบเทคโนโลยีมาช่วยในการขนส่งเพื่อให้การทํางานนั้นง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น

สำหรับแผนพัฒนาธุรกิจต่อจากนี้ นอกเหนือจากการพัฒนาประสิทธิภาพการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวอย่างรวดเร็วของธุรกิจ e-commerce นินจาแวนทั้ง 6 ประเทศ ยังมุ่งสร้างระบบนิเวศ ด้วยบริการใหม่ Ninja Direct ที่เป็น one stop service สำหรับ SMEs ทั้งการขนส่งในประเทศ การสั่งซื้อสินค้า รวมถึงการเปิดโอกาสทางธุรกิจสู่อาเซียน ตามวิสัยทัศน์ของการเชื่อมต่อทุกธุรกิจสู่โอกาสการเติบโตที่ไร้ขอบเขต ทั้งยังจะขยายโซลูชั่นการขนส่งให้ครอบคลุมธุรกิจแบบ B2B  เพื่อกระตุ้นการเปลี่ยนผ่านสู่การใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยอำนวยความสะดวกของทุกขั้นตอนในการขนส่ง