SYNEX ปักธงรุกหนักหลังโควิด มองเทรนด์ตลาดเกม-สุขภาพ-5G

วิกฤตโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป SYNEX ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไอทีชั้นนำหลากหลายประเภท ก็มีการปรับเปลี่ยนแผนการทำงานเพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน

“สุธิดา มงคลสุธี” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซินเน็ค ประเทศไทย จำกัด “SYNEX” เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาผู้คนมีการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต มีการหันมาใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ซึ่งวิถีชีวิตนี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็น new normal โดยตลาดเกมมิ่งถือเป็นตลาดหนึ่งที่มีการเติบโตมากขึ้นในช่วงวิกฤตที่ทำให้ผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น และเว้นระยะห่างทางสังคม

จากข้อมูลของสมาคมกีฬาอีสปอร์ตในประเทศไทยระบุว่า ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผู้เล่นเกมในประเทศไทยอยู่ที่ 27.8 ล้านคน คิดเป็น 41% ของประชากรทั้งประเทศ และคาดว่าตลาดเกมมิ่งในปีนี้จะมีมูลค่ากว่า 2.7 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะในตลาดเกมมิ่งเกียและโน้ตบุ๊ก ที่จะอยู่ราว 5 พันล้านบาท และอาจเติบโตได้ในระดับ 2 ดิจิต โควิดดันเกมมิ่งโต 30%

ล่าสุดได้ร่วมมือกับ “razer” แบรนด์ไลฟ์สไตล์เกมมิ่งระดับโลก เป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเพื่อร่วมกันขยายฐานลูกค้า ซึ่ง SYNEX มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นเบอร์ 1 ในกลุ่มเกมมิ่งเกีย และโน้ตบุ๊กในฐานเกมมิ่ง โดยในปีที่แล้วน่าจะมีส่วนแบ่งราว 2 พันล้านบาท ปีนี้ก็คาดว่าน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 พันล้านบาท

“ในช่วงโควิดสินค้าเกมมิ่งเติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เฉพาะสินค้าเกมมิ่งของ SYNEX เติบโตมากกว่า 5 เท่า ขณะที่ตลาดในไทยถือว่ามาแรง ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านอีสปอร์ต”

นอกจากนี้สินค้าที่เป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเน็ตเวิร์ก และที่ใช้สำหรับ vdo conference อาทิ โซลูชั่นต่าง ๆ ก็ได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สวนทางกับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว อาทิ แฟลชไดรฟ์ เมมโมรี่การ์ดสำหรับกล้องถ่ายภาพ แก็ดเจตที่ราคาสูง ที่มียอดขายลดลง

ยืดเครดิตเทอมช่วยรายย่อย

“ต้องยอมรับว่า สภาพเศรษฐกิจไม่ได้ดีมากนัก ร้านค้าปลีกไอทีรายเล็กรายย่อยก็ประสบปัญหามากมาย SYNEX ได้ขยายเครดิตเทอมให้กับพาร์ตเนอร์ผู้ค้าในเครือข่ายที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 หากทางแบรนด์ยืดระยะเวลาให้กับบริษัทเท่าไร เราก็จะยืดให้กับผู้ค้ารายย่อยในเครือข่ายเท่ากัน”

ทั้งนี้ “SYNEX” ก็ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจเช่นกัน โดยผู้ผลิตส่วนใหญ่อยู่ในประเทศจีน ที่พบเจอทั้งปัญหาของสงครามทางการค้า และปัญหาจากโควิด-19 อาทิ เรื่องความต้องการแล็ปทอปในช่วงที่ผ่านมาที่มีค่อนข้างมาก ควรจะขายได้เยอะกว่านี้ แต่ผู้ผลิตในจีนมีปัญหาเรื่องซัพพลายเชน

มุ่ง Health Care-5G

“ถ้ารู้จักกับการปรับตัวไปสู่ transolutions ไม่ได้มีแค่การปรับตัวที่หน้าร้านอย่างเดียว มีการขาย project ต่าง ๆ เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นโซลูชั่นที่เกี่ยวกับการเรียน หรือการทำงาน ก็จะช่วยให้ทำธุรกิจต่อไปได้ และยิ่งเฉพาะในช่วงนี้ ร้านที่สแตนด์อโลนก็จะยิ่งดี เพราะไม่ได้ปิดไปตามห้างสรรพสินค้า”

ทั้งยังต้องจับเทรนด์ใหม่ที่สอดรับกับการเปลี่ยนแปลง อย่างการขยับไปสู่กลุ่มสินค้าที่เกี่ยวกับ health care มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้องวงจรปิดที่สามารถตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายได้ รวมถึงเทคโนโลยี 5G ที่กำลังเข้ามามีบทบาท เชื่อว่าจะเป็น new wave สำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคต

“มากไปกว่านั้น ในด้านกลยุทธ์การขายสินค้าก็จะมุ่งสู่การใช้ออนไลน์มากขึ้น ผลักดันให้ลูกค้าซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ แม้ว่าที่ผ่านมาผู้คนยังกลัวการซื้อสินค้าจากออนไลน์ เพราะกลัวเป็นสินค้าไม่แท้ ไม่จริง ช่วงโควิดที่ผ่านมาจึงมีบริการส่งสินค้าผ่านโดยตรงได้เลย สามารถตรวจเช็กสินค้าได้ ทั้งยังมีบริการหลังการขายสินค้าด้วย อีกส่วนหนึ่งคือการพยายามเน้นการทำ official store by vender นั้น ๆ ด้วย หลังบ้านก็ทำได้ดีมาก หน้าบ้านก็พยายามทำให้ครบวงจร”


ส่วนทิศทางของปีนี้จะเน้นการใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าสภาพคล่องในปัจจุบันของบริษัทจะอยู่ในเกณฑ์ดีมากก็ตาม เพื่อการเติบโตที่มีกำไร