คอลัมน์ Pawoot.com โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ
ผมไปเจอข้อมูลจากเว็บไซต์หนึ่งน่าสนใจ เขารวบรวมพฤติกรรมคนไทยที่น่าจะเปลี่ยนไปหลังโควิด-19 มาดูกันว่ามีหมวดหมู่ไหนบ้าง
1.กลุ่มท่องเที่ยว
เริ่มเปลี่ยนเป็นกลุ่มเล็ก ๆ หรือคนเดียวมากขึ้น การเดินทางแบบทัวร์ราคาจะสูงขึ้น ผู้ที่มีอายุจะเที่ยวในระบบทัวร์ยอมจ่ายมากเพื่อให้ได้ที่พักที่ได้มาตรฐาน มีสุขอนามัย บริหารจัดการเรื่องความสะอาดของสถานที่ ประกันการเดินทางเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวยินดีจ่าย การเดินทางด้วยเครื่องบินจะเป็นทางเลือกที่นิยมมากขึ้น แม้ราคาจะแพงหน่อยแต่ปลอดภัย เร็วกว่า เจอผู้คนน้อยลง
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- เงื่อนไขปุ๋ยลดราคาเฟส 2 สูตรไหน-พืชชนิดใดบ้าง
2.กลุ่มการแพทย์และความสะอาด
การสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นเรื่องปกติ จะกลายเป็นแฟชั่น แบรนด์นำโลโก้ใส่บนหน้ากากเพื่อให้มี identity ทุกบ้านจะใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาด อาการป่วยจะไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยอีกต่อไป ทุกคนจะระวังตัวและสนใจหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องการแพทย์เบื้องต้น การขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางสุขภาพกายและจิตใจจะเป็นเรื่องปกติ คนเริ่มใช้ telemedicine การรักษาความสะอาดในพื้นที่ระบบโดยสารสาธารณะ ในห้องน้ำสาธารณะทุกคนจะทำให้ดีขึ้น
3.กลุ่มอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหาร
คนจะพิถีพิถันเลือกวัตถุดิบในการประกอบอาหารมากขึ้น หากทำธุรกิจร้านอาหารต้องแสดงแหล่งที่มาหรือวัตถุดิบต่าง ๆ ว่าปลอดภัย จะช่วยทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ คนจะเลือกกินอาหารตามห้างสรรพสินค้ามากขึ้น ลูกค้าเลือกจากลักษณะภายนอกที่ถูกสุขลักษณะก่อน แม้จะอร่อยก็ตาม
การใช้ช้อนกลางจะเป็นการกินในพื้นที่ส่วนรวมที่ทุกคนยินดีทำ บางทีมีช้อนกลางส่วนตัวด้วย และเริ่มระมัดระวังในการเลือกทานเนื้อสัตว์แปลก ๆ
4.กลุ่มการออกกำลังกาย
กิจกรรมที่เป็นทีม หรือทีละเยอะ ๆ จะมีมาตรการมากขึ้น กิจกรรมแบบเดี่ยวคนสนใจมากขึ้น คลาส private class จะขายดีมาก บางครั้งเทรนเนอร์เข้าไปเทรนให้ที่บ้าน การออกกำลังกายที่บ้านจะเริ่มมากขึ้น อุปกรณ์ฟิตเนสขายดีมาก ธุรกิจกีฬาหรือการออกกำลังกายต้องปรับตัวมากตามพฤติกรรมคน
5.กลุ่มการทำงาน
หลายบริษัทโดยเฉพาะต่างประเทศประกาศว่าพนักงานทำงานระยะไกลได้ตลอด การประชุมออนไลน์จะเป็นรูปแบบการประชุมที่องค์กรใช้มากขึ้น แม้แต่หน่วยงานรัฐ
การเช่าออฟฟิศใจกลางเมืองจะลดลง ราคาค่าเช่าจะลดลง คนในองค์กรเริ่มศึกษาและใช้ในการสื่อสารในการทำงานร่วมกันมากขึ้น มีการเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ การให้ความรู้คนในองค์กรเริ่มเปลี่ยนเป็นออนไลน์มากขึ้น เว็บไซต์สอนออนไลน์โตอย่างมาก มีผู้สอนหน้าใหม่เกิดขึ้น
6.การเลือกซื้อสินค้าและบริการ
ผู้บริโภคจะเลือกซื้อสินค้าที่จำเป็น และที่อยากได้จริง ๆ หันมาสนใจสินค้าในประเทศเพิ่มขึ้น บางคนกลัวสินค้านำเข้าจากจีน จะนำสินค้าที่ไม่ได้ใช้มาขายมากขึ้น เมื่ออยู่บ้านมากขึ้น มีการเก็บข้าวของทิ้งบ้าง ขายบ้าง
บริการดีลิเวอรี่จะเป็นทางเลือกที่สำคัญ การส่งของทำให้ธุรกิจหลายอย่างเปลี่ยนไป การขายของออนไลน์จะได้รับความนิยมมากกว่าเดิม ผู้บริโภคจะใช้แบรนด์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางสังคมที่ทำเพื่อคนอื่นมากขึ้นที่อยู่อาศัยนอกเมืองจะเป็นที่สนใจมากขึ้น หลายคนกลับไปอยู่ต่างจังหวัด ซึ่งค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และทำงานได้ จึงเริ่มมีทางเลือกมากขึ้น
หลายองค์กรเริ่มคิดและให้ความสำคัญกับพื้นที่ทำงานในบ้านมากขึ้น ทุกคนมีมุมทำงานประจำของตัวเอง เงินดิจิทัลกำลังมา ทั้งดิจิทัลหยวน, ลิบร้า 2.0
7.พฤติกรรมการเสพสื่อเปลี่ยนไป
สตรีมมิ่งจะมีอิทธิพลมากขึ้น การดูไลฟ์สดในเฟซบุ๊ก หรือเนื้อหาบันเทิงสาระข่าวสาร คนจะเริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ฝั่งเดียวที่อยากเห็น หรือดูย้อนหลังได้ สื่อใหญ่ จัดกิจกรรมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น
อาชีพสตรีมเมอร์เป็นที่สนใจและมี ความหลากหลายในการไลฟ์มากขึ้น มีหลายฟอร์แมตในเฟซบุ๊ก ใน Instagram บางคนทำคลิปสั้น ๆ ใน tiktok ฯลฯ ข่าวสารบ้านเมืองเป็นสิ่งที่ทุกคนให้ความสนใจมากขึ้น คนคุ้นเคยกับการอ่านข่าววันละหลายครั้ง
คนยังสนใจคอนเทนต์บันเทิง และเริ่มพบในสิ่งที่ตนเองชอบ และติดตามเรื่องนั้น ต้องการคอนเทนต์แนว how to มากขึ้น ไม่ใช่วิธีการให้แรงบันดาลใจ แต่เป็นวิธีการสอน เริ่มมองหาแนวทางการทำงานใหม่ จากคอนเทนต์หรือเนื้อหาบนโลกออนไลน์ บางคนหัดเป็นเชฟ หัดทำอาหาร หัดเล่นเปียโนผ่าน Youtube
จะเห็นว่าพฤติกรรมคนเปลี่ยนไปทุกมุม ทุกอุตสาหกรรม ฉะนั้น วิธีการทำธุรกิจหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมแล้วจริง ๆ ครับ