จากกรณีที่รัฐบาลสหราชอาณาจักรประกาศเมื่อวันอังคารที่ 14 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลมีมติห้ามมิให้บริษัทผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมของสหราชอาณาจักรซื้ออุปกรณ์ 5G จากหัวเว่ยหลังสิ้นสุดปี 2020 เป็นต้นไป และต้องถอดชุดอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ยออกจากเครือข่ายทั้งหมดของผู้ให้บริการภายในปี 2027
นายเอ็ดเวิร์ด บรูว์สเตอร์ (Edward Brewster) โฆษกหัวเว่ยแห่งสหราชอาณาจักรชี้แจงว่า “การตัดสินใจอันน่าผิดหวังของรัฐบาลสหราชอาณาจักรครั้งนี้ถือเป็นข่าวร้ายของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือทุกคนในสหราชอาณาจักร นอกจากจะเสี่ยงต่อความล่าช้าในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลและมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นแล้ว ยังจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัลมากขึ้นอีกด้วย โดยการแบนครั้งนี้เป็นการเดินถอยหลังแทนที่จะก้าวไปข้างหน้า
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
‘เราจึงขอให้รัฐบาลสหราชอาณาจักรพิจารณาการตัดสินใจนี้อีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เรายังคงเชื่อมั่นว่ามาตรการกีดกันครั้งใหม่จากสหรัฐฯ นี้จะไม่กระทบกับด้านความยืดหยุ่นและด้านความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ของเราที่มีการใช้งานในสหราชอาณาจักร’
และน่าเสียดายที่อนาคตของหัวเว่ยในสหราชอาณาจักรได้ตกเป็นเหยื่อทางการเมืองซึ่งเกี่ยวข้องกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ โดยมิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องความปลอดภัยของอุปกรณ์แต่อย่างใด
ผู้บริหารหัวเว่ยระบุว่าในระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา หัวเว่ยมุ่งมั่นในการสร้างการเชื่อมต่อที่ดีขึ้นในสหราชอาณาจักร และในฐานะองค์กรที่ยึดมั่นในการแสดงความรับผิดชอบ และจะยังคงมุ่งให้บริการและช่วยเหลือผู้บริโภคอย่างที่ปฏิบัติมาโดยตลอด
ทั้งนี้ บริษัทจะทำการตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าการประกาศในวันนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจในด้านใด และจะทำงานร่วมกับรัฐบาลสหราชอาณาจักรเพื่อชี้แจงว่าหัวเว่ยจะสามารถช่วยยกระดับการเชื่อมต่อในสหราชอาณาจักรให้ดียิ่งขึ้น