“เคลมดิ” เปิดคลาวด์คิตเช่น-ลุยโลจิสติกส์

“เคลมดิ” ปรับตัว 360 องศา ผุดโมเดลธุรกิจใหม่-บริการใหม่ “Sent-Di” ดึงเครือข่ายคนขับรถมอเตอร์ไซค์กว่า 2 พันรายทั่วประเทศ รับงานส่งสินค้าเจาะตลาด B2B และเปลี่ยนออฟฟิศทำคลาวด์คิตเช่น

นายกิตตินันท์ อนุพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้ง Claim Di (เคลมดิ) ผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นเคลมประกัน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบถึงธุรกิจของบริษัทเช่นกัน จึงได้มองถึงการหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ โดยสร้างโมเดลธุรกิจขึ้นมาใหม่ เป็นบริการใหม่ชื่อ “Sent-Di” นำเครือข่ายรถมอเตอร์ไซค์ที่มีอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,000 คน มาให้บริการส่งของทั่วประเทศ ในรูปแบบ B2B กับบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการใช้บริการ

“ช่วงโควิดที่เราสร้างโมเดลใหม่ขึ้นมาก็เพราะการเคลมประกันมันไม่มีหรือมีน้อยลง แต่เรามีพนักงานอยู่กว่า 180 คน มีคนขับอยู่ทั่วประเทศกว่า 2,000 คน ไม่มีรายได้ก็จะอยู่ไม่ได้ จึงมีบริการนี้ออกมา แต่อย่างที่บอก เราไม่ได้เป็นคนหาลูกค้า แต่บริษัทไหนหรือใครที่ต้องการส่งของ ส่งสินค้า จะวิ่งเข้ามาหาเรา ให้เราส่งของ ส่งสินค้าให้”

นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในออฟฟิศให้เป็น “คลาวด์คิตเช่น” เพื่อรับจ้างปรุงอาหารแล้วส่งให้เมื่อมีคนสั่งผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ โดยทำให้แบรนด์กินจัง และ Phoenix Lava ซาลาเปา เป็นต้น

นายกิตตินันท์กล่าวต่อว่า บริษัทเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัพที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เนื่องจากปริมาณรถวิ่งบนถนนลดลง 80% ทำให้การเคลมประกันลดลงด้วย แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่ “เคลมดิ” เป็นบริการในรูปแบบดิจิทัลจึงทำให้ยอดที่ลดลงเหลือ 20% หันมาใช้บริการเคลมดิ แทนบริการของบริษัทอื่น ๆ ที่ไม่สามารถให้บริการได้

“ไม่ใช่คนอื่น transaction หายไป แล้วไม่มีงาน แต่มีสาเหตุมาจากอยู่ในต่างจังหวัด พวก outsource supply ที่เป็น manual อยู่ไม่ได้ เหมือนแม่บ้านหรือเด็กในร้านอาหารเมื่อร้านปิดก็ต้องให้แรงงานกลับบ้าน คนทำกับข้าว เด็กเสิร์ฟกลับภูมิลำเนา ต่างจากเคลมดิเป็นดิจิทัล และมีทั่วประเทศจึงยังมีงานอยู่บ้าง และรายได้ก็ลดลงไปประมาณ 40%”

โดยในช่วงที่ผ่านมา ตลาดรวมลดลงถึง 80% และเริ่มกลับมาในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เช่นกันกับในเดือนมิถุนายน แต่ยังไม่เต็ม 100% และคาดว่ากรกฎาคมนี้น่าจะกลับมาเหมือนเดิม เนื่องจากคนส่วนใหญ่เริ่มนำรถกลับมาใช้งานแล้ว จึงมีการต่อประกัน ส่วนรถสาธารณะ รถแท็กซี่ ตนมองว่ายังกลับมาไม่หมด


“ธุรกิจที่โตมากคือโลจิสติกส์ แต่ถ้าโฟกัสในวงการสตาร์ตอัพไทย เชื่อว่าไม่มีใครไม่ได้รับผลกระทบ เพราะไม่มีใครเป็นโลจิสติกส์รายใหญ่ ๆ ทั้งพวกสตาร์ตอัพที่ทำด้านโลจิสติกส์ส่วนใหญ่ไม่ใช่สตาร์ตอัพไทย แต่บิ๊กแบรนด์จึงไม่ต้องไปพูดถึง อย่างแกร็บ, ฟู้ดแพนด้า, ไลน์แมน พวกนั้นยังอยู่ได้”