โอกาสใหญ่ ๆ ของธุรกิจจากข้อมูลเล็ก ๆ

คอลัมน์ Pawoot.com
คอลัมน์ Pawoot.com
โดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ

ครั้งที่แล้วผมเล่าถึงเรื่อง social listening ว่า หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ เจ้าขององค์กร คุณเข้าไปมอนิเตอร์ติดตามได้ว่าประเทศไทยตอนนี้อะไรคือสิ่งที่คนกำลังพูดถึงมากที่สุด อยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นลองเข้าไปดูที่ trend.wisesight.com ได้ฟรี ตรงนี้ในเชิงของนักการตลาดหลายคนเอามาประยุกต์ใช้กับกลยุทธ์ที่เรียกว่า การใช้ real time marketing ได้

การตลาดแบบ real time marketing

พื้นฐาน คือ จับกระแสหรือประเด็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ขึ้นมาใช้เป็นแคมเปญหรือเป็นเครื่องมือในการสื่อสาร เช่น ตอนมีกระแสเรื่องโรงเรียนอนุบาล บางแบรนด์จับกระแสอนุบาลเอามาทำโฆษณา เพื่อให้คนพูดถึงว่าโฆษณานี้อินเทรนด์ คนก็จะให้ความสนใจเป็นพิเศษ

เกิด engagement เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนกับข้อความที่แชร์ไป แบรนด์สินค้าเหล่านั้นก็สอดแทรกเข้าไปทำให้คนจดจำแบรนด์ได้ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะในต่างประเทศเขาฟังเรื่องของประชาชน ฟังว่าผู้บริโภคกำลังคิดอะไรอยู่ กำลังพูดอะไร เราสามารถฟังได้เลยว่าคนกำลังชอบโฆษณาตัวนี้ไหม คนด่าไหม คนชมไหม คนแชร์หรือเปล่า มีคนถ่ายภาพโฆษณาแล้วแชร์ออกไปหรือเปล่า

มีเครื่องมือหลายตัวที่ใช้ฟังสิ่งเหล่านี้ได้ ตัวหนึ่งที่ใช้ฟรีเป็นของกูเกิลคือ Google trends อาจไม่ใช่ social listening ที่ชัด ๆ ตรง ๆ นัก แต่เป็นเครื่องมือที่วิเคราะห์เทรนด์ว่าตอนนี้คนทั้งโลกกำลังค้นหาอะไรอยู่

“กูเกิลเทรนด์” เป็นการเอาข้อมูลทั้งหมดที่คนทั้งโลกกำลังค้นหาอยู่เอามาวิเคราะห์ เราสามารถลงลึกไปในประเทศไทยว่า ตอนนี้คนไทยกำลังค้นหาคำไหนมากที่สุดอยู่ เป็นตัวสำคัญที่เราสามารถวิเคราะห์เทรนด์ที่เกิดขึ้นได้ทั้งในประเทศหรือในโลกได้เลย

เมื่อพูดถึง Google trend ที่สามารถหาเทรนด์ที่คนกำลังพูดถึงได้ ที่เพิ่งผ่านมามีการปรับเปลี่ยนบางอย่างในแอปพลิเคชั่น Google map ต่อไปใครใช้ Google map จะเห็นแม้กระทั่งว่าคนเป็น “โควิด” อยู่ตรงไหน มีอัตราส่วนที่คนติด “โควิด” ในพื้นที่ที่กำลังไปอยู่กี่เปอร์เซ็นต์ นั่นคือการเอาข้อมูลที่เป็น data จากแหล่งอื่นเอามาซ้อนอยู่บนแผนที่ที่คนไทยใช้กัน

ตอนนี้คนไทยขับรถแต่ละครั้งใช้ Google map กี่เปอร์เซ็นต์ บางคนบอกว่า 80% แล้ว แต่ผมเชื่อว่ายังมีคนบางส่วนที่ไม่ได้ใช้ Google map ผมเองขับรถ 10 ครั้ง ใช้ Google map ทั้ง 10 ครั้ง สิ่งที่ผมสนใจไปกว่านั้น คือ การใช้ Google map มันช่วยบอกได้ว่าทางที่เรากลับเป็นประจำนั้นรถติดมากน้อยแค่ไหน

ผมไม่เคยเชื่อเรื่องการใช้เส้นทางกลับบ้านเส้นทางเดิม เพราะบางทีอาจมีอุบัติเหตุรถชนบ้าง รถติดเป็นพิเศษบ้าง ผมเชื่อในข้อมูลที่เป็นเรียลไทม์ ข้อมูล ณ ขณะนั้นมากกว่า มันสามารถบอกเส้นทางอื่นให้ผมหลบรถติดที่ติดเกือบประมาณ 20 นาทีจากอุบัติเหตุ

ฉะนั้น ทุกครั้งที่ผมขับรถเองจะเปิด Google map นำทางกลับบ้าน ผมอยากแนะนำให้คุณลองหัดใช้ดู แล้วจะพบว่าสะดวกมาก ผมขับไปหัวหิน 3 ชั่วโมงเจอช่วงที่รถติดมาก โดยเฉพาะช่วงเทศกาลมันจะแนะนำเส้นทางไหน ผมเลี่ยงหลบเส้นทางที่ติด ปรากฏว่าช่วยประหยัดเวลาไปได้เยอะเลยทีเดียว

Google map รู้ได้อย่างไรว่าเส้นไหนติดหรือไม่ติด เพราะ 1.จะเอาข้อมูลของทุกคนที่ลงแอป Google map มาและนำมาวิเคราะห์อีกที 2.ข้อมูลคนที่ใช้โทรศัพท์ android ที่มีการเปิดตําแหน่งหรือโลเกชั่นมากขึ้น เอามาวิเคราะห์ได้เลย

บวกกับ Google มีการซื้อข้อมูลของแผนที่ในแต่ละประเทศ รวมถึงมีการซื้อข้อมูลจากผู้ให้บริการในแต่ละพื้นที่ เช่น ในประเทศไทยเดี๋ยวนี้ก็มีบริษัทแท็กซี่บางแห่งมีการติด GPS ไว้ที่รถ เมื่อรถแท็กซี่วิ่งไปเรื่อย ๆ จะมีความเร็ว รถหยุดตรงไหน ตรงไหนติดนาน ๆ Google จะมีการซื้อข้อมูลพวกนี้เอาไปประมวลผลเพิ่มเติมเพื่อบอกตำแหน่งว่ารถติดหรือไม่ติด ซึ่งมันแม่นยำมากขึ้น

บริษัทที่ทำเกี่ยวกับรถแท็กซี่จะมีการขายข้อมูลนี้ออกมา เพราะว่ารถแท็กซี่จะมีการเก็บข้อมูลระบบ GPS อยู่แล้ว มีหลายเจ้า ข้อมูลเหล่านี้มันไม่ใช่ข้อมูลที่เสียเปล่า สามารถเอามาประมวลผลและวิเคราะห์อะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว

นี่คือการวิเคราะห์ข้อมูลที่บางทีเราอาจเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ในเชิงธุรกิจทำอะไรได้เยอะมาก เช่นเดียวกันครับ การทำ social listening คือการเอาข้อมูลของคนทั้งหมดที่พูดในโลกออนไลน์มาวิเคราะห์ทำให้เราเข้าใจอะไรบางอย่างได้ด้วยเหมือนกัน